สถานที่จัดงานแต่งงาน-รับจัดงานแต่งงาน
  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับเรา
  • แพ็คเกจงานพิธีเช้า
  • แพ็คเกจงานเลี้ยงแต่งเย็น
  • แพ็คเกจพานขันหมาก
  • แกลอรี่ภาพงาน
  • แพ็คเกจโต๊ะจีน
  • แพ็คเกจบุฟเฟ่ต์
  • บทความที่น่าสนใจ
  • ติดต่อเรา
  • กระดานสนทนา
  • พานขันหมากให้เช่า
  • โปรสุดคุ้มแบบโดนๆ

วางแผนจัดงานแต่งงาน

7/18/2015

Comments

 
วางแผนเตรียมการจัดงานแต่งงาน
เมื่อชายหญิงที่เป็นคู่รักกันได้ตัดสินใจที่จะแต่งงานและใช้ชีวิตร่วมกัน สิ่งแรกที่คนทั้งสองจะต้องนึกถึงก่อนเรื่องใดก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องการจัดงานแต่งงานของตนนั่นเอง ในความเป็นจริงแล้ว ต่างฝ่ายก็คงจะมีภาพฝันงานแต่งของตนอยู่ในใจ ซึ่งอาจจะเป็นภาพที่คล้ายคลึงกัน หรืออาจจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเลยก็เป็นได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ว่าภาพฝันนั้นจะเป็นอย่างใด ก็คงจะมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน ก็คืออยากให้งานแต่งงานของตนออกมาดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
เตรียมจัดงานแต่งงาน
การจัดงานแต่งงานของคู่บ่าวสาวนั้นจะออกมาดีหรือไม่ดีอย่างไร ผมบอกได้เลยครับว่าขึ้นอยู่กับการวางแผนงานที่ดี มีการเตรียมความพร้อมในทุกๆเรื่องที่ต้องบริหารจัดการ เพื่อหลีกเลี่ยงจากปัญหาต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งจะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก เพราะมีรายละเอียดค่อนข้างมากมายทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเดินงาน หรือการจัดหาอุปกรณ์ต่างๆที่จะมาใช้ในการจัดงาน ผมเลยถือโอกาสที่จะมาแนะนำในเรื่องเกี่ยวกับการวางแผนเพื่อจะเตรียมการจัดงานแต่งงาน ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีรายละเอียดอยู่มาก แต่ในที่นี้จะผมจะแนะนำในเรื่องที่เป็นหลักใหญ่ๆและที่สำคัญเท่านั้น และจะแยกเป็นหัวข้อๆเพื่อให้เข้าใจง่ายๆก็แล้วกัน

ขั้นตอนการเตรียมการจัดงานแต่งงาน


1. ตัดสินใจร่วมกัน ก่อนอื่นผมแนะนำให้ว่าที่คู่บ่าวสาวทั้งสองนั่งลงและจับเข่าคุยกันก่อนว่าอยากจะให้งานของตัวออกมาเป็นแบบใด ลักษณะใด ถ้ามีความคิดที่แตกต่างกันมาก ก็คงต้องพยายามปรับเข้าหากัน ร่วมกันคิด ร่วมกันปรึกษาจนสามารถหาข้อสรุปให้ได้ก่อน รวมถึงการประเมินจำนวนแขกที่เราจะเชิญมาในงานด้วย อย่าลืมนะครับว่า การจัดงานแต่งงานนี้เป็นงานของคุณทั้งสองคน ฉะนั้นอย่าโยนให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ตัดสินใจทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว ผมแนะนำให้คู่บ่าวสาวทั้งสองควรร่วมกันคิด ร่วมกันบริหารจัดการนะครับ และควรที่จะมีสมุดบันทึกไว้คอยจดด้วยเพื่อกันลืม จะได้ไม่ต้องมาแก้ปัญหาในภายหลัง 

2. ตั้งงบประมาณที่จะใช้ในการจัดงาน หลังจากที่คู่บ่าวสาวได้ตกลงกันในเรื่องรูปแบบของงานแล้ว ต่อมาก็เป็นเรื่องของการตั้งงบประมาณที่ควรจะต้องจ่ายในการจัดงาน ส่วนนี้สำคัญมากๆนะครับ เพราะเป็นเรื่องของเงินๆทองๆ หรือใครว่าไม่สำคัญ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ผมเห็นมามากต่อมากเลยว่า ถ้าไม่มีการตั้งงบไว้ รับรองงบบานปลายอย่างแน่นอน และงบที่ตั้งไว้ควรที่จะสมดุลย์กับรูปแบบของงานที่ตกลงกันไว้ในตอนแรกด้วยนะครับ ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป 

และสำหรับคู่บ่าวสาวที่มีงบค่อนข้างจำกัด ผมแนะนำนะครับว่า ถ้างบของเราประเมินแล้วไม่น่าจะพอ ก็ลองมาปรับรูปแบบงานกันใหม่ ไม่ควรไปปรับงบเพิ่มเป็นอันขาด ถ้าเราลงลึกถึงข้อมูลอย่างจริงจัง ผมรับรองว่าแม้งบจะน้อยหน่อยก็สามารถที่จะได้งานออกมาดีได้พอสมควรเลยทีเดียวนะครับ ผมไม่อยากให้คู่บ่าวสาวที่เริ่มสร้างครอบครัวของตนเองใหม่ๆจะมาเครียดเรื่องการเงินในชีวิตหลังแต่งงาน อย่าลืมที่ผมเคยพูดเสมอว่า ชีวิตหลังแต่งงานนั้นสำคัญมากๆ และมีหนทางที่เราต้องเดินอีกยาวไกลนัก ผมแนะนำให้เพื่อนๆลองกลับไปอ่านบทความที่ผมเคยเขียนไว้เกี่ยวกับการแต่งงานในทัศนะใหม่ ถ้ายังไม่เคยผ่านสายตามารลองกลับไปอ่านเลยนะครับ--> การแต่งงานในทัศนะใหม่

3. หาตัวช่วยหรือที่ปรึกษา ข้อนี้เป็นการหาข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งต่างๆที่จะนำมาใช้ในการจัดงาน ซึ่งเพื่อนๆสามารถค้นหาได้จากอินเตอร์เน็ท ไม่ว่าจะเป็นแหล่งที่ขาย หรือราคาค่าใช้จ่ายต่างๆ นอกเสียจากว่าคู่บ่าวสาวท่านใดไม่อยากทำเอง หรือไม่มีเวลา ก็จะลองใช้บริการจากพวกออแกไนซ์ หรือเวดดิ้งแพลนเนอร์ ที่เขาให้บริการรับปรึกษาและจัดงานแต่งงานก็ได้ครับ สะดวกดี
เวดดิ้งแพลนเนอร์,เวดดิ้งออแกไนซ์
4. หาสถานที่จัดงานแต่งงาน เมื่อได้ตั้งงบและพอประเมินได้อย่างคร่าวๆถึงจำนวนแขกที่จะเชิญมาในงาน สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือ การออกหาสถานที่สำหรับจัดงานแต่งงาน ซึ่งการหาสถานที่นี้ต้องรีบทำเลยนะครับ อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง โดยเฉพาะผู้ที่ถือฤกษ์ ด้วยวันฤกษ์ดีๆจะมีคู่แต่งงานในวันนั้นเป็นจำนวนมาก บางคู่จองสถานที่กันข้ามปีเลยก็มี ถ้าเราไม่รีบ อาจจะได้สถานที่ไกลๆ หรือสถานที่ๆไม่เหมาะกับคอนเซ็ปงานของเรา

5. พิมพ์การ์ดแต่งงาน เมื่อเราได้สถานที่และรู้จำนวนแขกอย่างคร่าวๆแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือการพิมพ์การ์ดแต่งงาน หรือการ์ดเชิญนั่นเอง ข้อนี้ผมมีคำแนะนำแก่ว่าที่คู่บ่าวสาวมือใหม่นะครับว่า การเชิญแขกด้วยการ์ดนั้นดีกว่าการเชิญด้วยวิธีโพสในโซเชียลเน็ตเวิร์คมากเลย ข้อแรกก็คือการเชิญด้วยการ์ดเป็นการให้เกียรติแก่แขกที่เราเชิญมาและค่อนข้างเป็นทางการ และที่สำคัญสามารถที่จะประเมินแขกที่จะมาในงานได้ค่อนข้างจะแม่นยำ จะผิดบ้างก็ไม่น่าเกินบวกลบ 15% ส่วนการเชิญทางโซเชียลนั้น เราไม่สามารถที่จะประเมินแขกที่จะมาในงานได้เลย ซึ่งถ้าเราไม่ได้เตรียมโต๊ะสำรองไว้มากพอ ก็อาจจะก่อให้เกิดปัญหาได้
wedding card,การ์ดแต่งงาน
7. หาเวดดิ้งสตูดิโอ ช่างภาพ ช่างวีดีโอ เพื่อทำ วีดีโอ Presentation แนะนำตัวคู่บ่าวสาว ตลอดจนถ่ายภาพ และถ่ายวีดีโอในวันแต่งงานของคุณ ในกรณีนี้ผมแนะนำให้หาข้อมูลให้มากสักหน่อย ดูตัวอย่างผลงานของสตูดิโอที่คุณหมายตาไว้ ด้วยมีหลากหลายราคาให้เลือก ต้องเปรียบเทียบราคาให้ดีอย่าใจร้อนนะครับ และที่สำคัญน่าจะลองเช็คประวัติการบริการของเขาเท่าที่ทำได้ ผมไม่อยากให้ในวันงาน คู่บ่าวสาวต้องมาวิตกกังวลว่าช่างภาพจะเบี้ยวหรือเปล่าก็ไม่รู้ คอยแต่ตั้งตาคอย เพราะช่างภาพที่เราว่าจ้างไม่มีวินัยในการทำงาน สายตลอด อย่างนี้ไม่เอานะครับ

6. ชุดแต่งงาน การเลือกชุดแต่งงานเป็นขั้นตอนที่สำคัญมากๆ โดยเฉพาะว่าที่เจ้าสาวแล้วจะถือว่าเป็นเรื่องใหญ่และต้องพิถีพิถันเป็นกรณีพิเศษเลยก็ว่าได้ และเป็นขั้นตอนที่ต้องใช้เวลามากพอควร ไหนจะต้องหาร้านที่เชื่อถือได้ หาแบบ สั่งตัด ในบางกรณีอาจจะมีการแก้ไขแล้วแก้ไขอีก มีการลองชุดกันหลายต่อหลายครั้ง คู่บ่าวสาวควรจะต้องเผื่อเวลาไว้พอสมควร แต่ผมว่าคุ้มนะครับ เพราะถ้าในวันแต่งงานของคุณ ชุดแต่งงานที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี ตัดเย็บด้วยความประณีต จะทำให้คุณดูดี สง่างาม สมกับเป็นเจ้าหญิงเจ้าชายในงานเลยทีเดียว 

8. หาช่างแต่งหน้าทำผมงานแต่งงาน เพื่อที่จะมาเนรมิตให้คุณเป็นเจ้าชายเจ้าหญิงในวันงาน ซึ่งช่างแต่งหน้าทำผมนั้นก็มีหลายระดับหลายราคา ลองค้นหาข้อมูลดูจากอินเตอร์เน็ท หรือไม่ก็ลองสอบถามพวกเพื่อนๆหรือญาติที่มีประสบการณ์หรือผ่านงานแต่งงานมาแล้ว 
แต่งหน้าทำผมแต่งงาน
การวางแผนจัดงานแต่งงาน หรือการเตรียมการจัดงานแต่งงานนั้น เป็นสิ่งที่สำคัญและมีรายละเอียดค่อนข้างมาก คู่บ่าวสาวควรที่จะต้องเตรียมสมุดบันทึกไว้คอยจดรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆเพื่อกันลืม คู่บ่าวสาวบางคู่ไม่เคยที่จะมีการจดบันทึกหรือมีการทำบันทึกประจำวันเลย ผมว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้มีการฝึกการจดบันทึกนะครับ นอกจากการวางแผนเตรียมจัดงานแต่งงานที่ผมได้เขียนแนะนำมาแล้วนั้น การจัดงานแต่งงานยังมีรายละเอียดปลีกย่อยที่ต้องจัดเตรียมอีกมากมายหลายเรื่อง

ฉะนั้นการที่คู่บ่าวสาวจะได้งานแต่งของตนที่สมบูรณ์แบบ จะต้องมีการหาข้อมูลให้มากพร้อมกับมีการจดบันทึกไว้อย่างต่อเนื่องเพื่อกันลืม และค่อยๆนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในการจัดงานแต่งงานของตน แต่ผมขอแนะนำอีกประการหนึ่งก็คือ งานแต่งงานที่ดีและสมบูรณ์นั้นควรจะจัดกันแบบเรียบง่ายไม่สลับซับซ้อนจนเกินไป รายการต่างๆที่เสริมเข้ามาต้องไม่ยุ่งยาก ไม่มีการขนย้ายหรือเปลี่ยนส่วนตกแต่งของงานมากจนเกินไป ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดปัญหาได้ ทำให้การดำเนินงานติดขัดไม่ไหลลื่น ส่วนการตกแต่งภายในงานนั้นก็ไม่ควรที่จะรกรุงรังจนเกินกว่าเหตุ ให้นึกอยู่เสมอว่าแขกเขามางานแต่งงานนะครับไม่ใช่ไปเดินป่าหรือชมสวนดอกไม้ ผมเห็นบางงานจัดดอกไม้มากเกินไป แทนที่จะสวยงามกลับทำให้ดูทึบ ไม่สบายตา 
งานแต่งงานในฝัน
โดยสรุป
ยังไงๆผมก็อยากให้คู่บ่าวสาวของงานเป็นจุดที่เด่นที่สุด จึงไม่อยากให้มีอะไรมาดึงดูดความสนใจของแขกออกจากคู่บ่าวสาวที่เสมือนหนึ่งเจ้าชายและเจ้าหญิงของงานครับ


--> ประวัติความเป็นมาของเค้กแต่งงาน

ลงประกาศฟรี
Comments

ขอแต่งงาน

7/9/2015

Comments

 

นิยามของความรัก

ก่อนที่จะมีการขอแต่งงานจากหนุ่มที่หัวใจถูกอัดเต็มไปด้วยความรักต่อหญิงสาวที่เป็นคู่รักของตนนั้น คู่รักทั้งสองคงจะต้องมีการคบกัน ไปมาหาสู่และเรียนรู้ถึงนิสัยใจคอซึ่งกันและกันมาเป็นเวลาพอควร จนความรักที่มีต่อกันนั้นสุกงอม และต่างก็ตัดสินใจว่าเขาทั้งสองจะใช้ชีวิตร่วมกัน เพื่อนๆเคยสงสัยมั้ยครับว่า ความรักมันคืออะไรกันแน่ และอย่างไรจึงเรียกว่ารัก บ้างก็ให้คำนิยามของความรักว่า ความรักคือความเข้าอกเข้าใจกัน บางท่านก็บอกว่าความรักคือการเสียสละ ส่วนตัวผมเองแล้ว ไม่ว่าความรักมันจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ ผมว่ามันก็เป็นสิ่งที่ดีสำหรับคนที่มีมัน มันเป็นความรู้สึกในทางบวก เป็นความรู้สึกแห่งความสุข เป็นความรู้สึกที่จะทำให้ชีวิตมีความหมาย มีความอิ่มเอมใจ
นิยามของความรัก
ความรักเป็นภาษาสากล ไม่ว่าจะเป็นคนต่างเชื้อชาติต่างศาสนาก็สามารถที่จะมีความรักต่อกันได้ แม้จะสื่อกันด้วยภาษาพูดไม่ค่อยจะเข้าใจ ความรักก็จะเข้ามาช่วยเติมเต็มคอยสอดประสานให้บุคคลทั้งสองสามารถเรียนรู้และใช้ชีวิตร่วมกันได้อย่างมีความสุข นี่อาจจะเป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่สามารถเข้ามาสร้างความสมดุลให้กับมนุษย์ ด้วยมนุษย์เราเกิดขึ้นมาท่ามกลางความโดดเดี่ยว พร้อมด้วยหัวใจคนละ 1 ดวง และเมื่อ มนุษย์ 2 คนมาพบกัน เราจึงเรียนรู้ได้ทันทีว่า 1 + 1 นั้น สามารถทำให้ความโดดเดี่ยวของเราหายไปในชั่วพริบตา หัวใจที่สอดประสานกันของหนุ่มสาวเป็นหนึ่งเดียวพร้อมความเข้าอกเข้าใจซึ้งกันและกันอย่างแท้จริง อาจจะเป็นตัวบ่งบอกถึงความหมายของตัวอักษรที่เขียนว่า "รัก" ได้อย่างสมบูรณ์..

ก่อนที่จะมีการขอแต่งงาน

การขอแต่งงาน

Picture
อย่างที่ผมได้เอ่ยมาแล้วว่า ความรักนั้นเป็นสากล เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับใครก็ได้ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติใดภาษาใด รวมกระทั่งบุคคลที่ไม่มีความสมบูรณ์ทางสมอง  หรือผู้ที่เป็นโรค Down syndrome อย่างที่เรารู้จัก ก็สามารถที่จะมีความรักได้ นี่เป็นความสวยงามของธรรมชาติที่มอบให้กับเรา และแน่นอนว่าเมื่อเรามีความรักให้กับใครสักคนอย่างจริงใจ เราย่อมมีความต้องการที่จะใช้ชีวิตส่วนที่เหลือร่วมกับคนๆนั้น ซึ่งก็คือการแต่งงานกันของบุคคลทั้งสองนั่นเอง และทำไมถึงต้องแต่งงาน ถ้าเพื่อนๆสงสัยให้ย้อนกลับไปอ่านบทความที่ผมเคยเขียนมา แล้วจะรู้ว่าทำไมคนที่รักกันถึงต้องแต่งงานและแต่งไปเพื่ออะไร..! ทำไมถึงต้องแต่งงาน

ขอแต่งงาน
เมื่อหญิงชายที่มีความรักต่อกัน พร้อมทั้งได้เรียนรู้นิสัยใจคอซึ่งกันและกันเป็นอย่างดีแล้ว เมื่อถึงเวลาอันควรตามธรรมเนียมปกติ ฝ่ายชายก็มักจะเป็นฝ่ายขอแต่งงานกับฝ่ายหญิง (แต่สมัยนี้ไม่แน่นะครับ อาจจะเป็นฝ่ายหญิงที่เป็นฝ่ายขอก็ได้ ผมว่าทุกวันนี้โลกเราหมุนเร็วเกินไป 5555) ซึ่งการขอแต่งงานจากฝ่ายชายนี้ถือเสมือนเป็นการให้เกียรติแก่ฝ่ายหญิง เป็นการให้คุณค่าแก่คนที่เรารัก เป็นการสร้างความประทับใจที่มิอาจจะลืมเลือนให้แก่ฝ่ายหญิง นี่คือเรื่องจริงนะครับ ถ้าไม่เชื่อผม เพื่อนๆลองดูซิ แล้วจะรู้ว่านี่เป็นสิ่งที่สวยงามและสร้างความสุขได้อย่างแท้จริง

การขอแต่งงานที่น่ารักมากๆ

วันนี้ผมได้ไปเจอคลิปวีดีโอคลิปหนึ่ง เป็นคลิปการขอแต่งงาน แต่ที่ผมอยากนำมาแชร์ให้ชมเพราะ มันเป็นคลิปการขอแต่งงานจากชายที่มีความไม่สมบูรณ์ทางสมอง หรือที่เป็นโรค Down syndrome ที่กำลังขอแต่งงานกับแฟนสาวของเค้าคือ Caterina หญิงสาวผู้มีอาการผิดปกติทางพันธุกรรมเช่นกัน ณ.ร้าน McDonald’s สาขาหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ทำงานของ Caterina และที่สำคัญเขาไม่ได้นำแหวนแต่งงานไปขอ แต่เขานำกุญแจบ้านของเขา เพื่อแสดงความต้องการที่จะขอให้ Caterina แต่งงานและมาใช้ชีวิตร่วมกันในบ้านของเขา เป็นคลิปที่น่ารักมากๆ ลองดูกันได้เลยครับ..
สรุปแล้ว การขอแต่งงาน เป็นการแสดงออกถึงการที่ฝ่ายชายให้เกียรติแก่คนที่ตนรักคือฝ่ายหญิง เป็นการบอกให้ฝ่ายหญิงรู้ว่า เธอเท่านั้นที่มีค่าพอที่เขาจะร่วมใช้ชีวิตด้วย สำหรับในประเทศไทยแล้ว เมื่อฝ่ายชายขอฝ่ายหญิงแต่งงานและฝ่ายหญิงยินยอมที่จะแต่งงานด้วย ฝ่ายชายต้องจัดหาผู้ใหญ่ หรือที่เราเรียกว่า เถ้าแก่ ไปสู่ขอกับฝ่ายพ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายหญิงอีกทีหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นการเคารพและให้เกียรติแก่ผู้ใหญ่ของฝ่ายหญิงด้วย 


--> วางแผนจัดงานแต่งงาน
Comments

การแต่งงานในทัศนะใหม่

6/29/2015

Comments

 
การจัดงานแต่งงาน
เพื่อนๆอย่าเพิ่งเข้าใจผมผิดนะครับ การที่ผมเกริ่นหัวข้อว่า "การแต่งงานในทัศนะใหม่นั้น" ไม่ได้หมายถึงการที่หนุ่มสาวจะมาอยู่กันแบบเฉยๆโดยไม่ผ่านขบวนการจดทะเบียน ไม่มีการสู่ขอ ไม่มีการแต่งงานตามประเพณีไทยที่ถือเป็น
แนวปฎิบัติกันมาตั้งแต่โบราณ แต่ผมหมายถึงการแต่งงานที่เหมาะกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบันซึ่งมีการ
เปลี่ยนแปลงไปเป็นแบบก้าวกระโดดจากการใช้ชีวิตและความเป็นอยู่ในอดีต

อย่างที่เราทราบๆกันดีอยู่แล้วว่า อัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันนั้นขยับตัวสูงขึ้นๆในทุกๆปี นอกจากนั้นมีการพัฒนาทางด้าน

ด้านเทคโนโลยี่และการรับข้อมูลข่าวสารกันอย่างต่อเนื่อง ไม่มียุคใดที่มนุษย์จะได้รับข้อมูลข่าวสารและสามารถติดต่อ
ถึงกันได้อย่างสะดวกรวดเร็วเท่าในยุคปัจจุบันนี้อีกแล้ว เหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้นี่เองที่ทำให้โลกเราเปลี่ยนแปลงไป
อย่างรวดเร็ว ทุกๆคนในสังคมจึงต้องพยายามปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงนั้น ถ้าช้าอาจจะถูกกล่าวหาว่าเป็นคนตกยุคตกเทรน จึงทำให้ในโลกปัจจุบันนี้คนในสังคมต่างอยากมีการศึกษาที่สูงขึ้น บางคนใช้เวลากว่าค่อนชีวิตไปกับ
การศึกษา อีกทั้งยังต้องมีความเชี่ยวชาญในสายอาชีพการงานของตนให้มากขึ้น เพื่อที่จะเป็นข้อได้เปรียบทางในด้าน
การแข่งขันผลงานของตนกับคนในองค์กรเดียวกันในการก้าวขึ้นตำแหน่งที่สูงขึ้น เงินเดือนมากขึ้น 

อีกทั้งธุรกิจการค้าต่างๆในปัจจุบันนี้ก็มีการแข่งขันกันดุเดือดมากขึ้น ไม่ใช่เฉพาะการแข่งขันกันภายในแต่ละประเทศ
เท่านั้น แต่เป็นการแข่งขันระดับโลกในยุคไร้พรมแดน จึงทำให้การสร้างรายได้จากภาคส่วนธุรกิจในแต่ละองค์กรก็จะ
มีความยากขึ้นตามไปด้วย

ด้วยเหตุผลดังกล่าว เราจึงต้องใช้เวลากับกิจกรรมต่างๆเหล่านี้มากขึ้น ทํากิจวัตรประจำวันของตนอย่างเร่งรีบแข่งกับ

เวลา ใช้ทุกวินาทีของชีวิตให้มีคุณค่า เพื่อที่จะสร้างรายได้ให้พอกับรายจ่ายในการดำรงชีวิตประจำวันที่สูงขึ้นอย่าง
ต่อเนื่อง จึงทำให้คนในสังคมส่วนใหญ่เกิดความเครียดเกิดความกังวล ไม่มีจิตใจที่จะมาคิดถึงการมีครอบครัว นำเวลาของชีวิตทั้งหมดไปทุ่มเทกับการทำงานเพื่อสร้างรายได้ รวมกับความกังวลที่ว่าถ้าเริ่มมีครอบครัวก็จะมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น
ต้องหาเงินมากขึ้น เวลาที่จะใช้ชีวิตอย่างอิสระก็จะลดลงจากเดิมทั้งๆที่มีน้อยอยู่แล้ว
Picture

การแต่งงานทัศนะใหม่ในความหมายของผม

การจัดงานแต่งงาน
ด้วยเหตุดังกล่าวทำให้ในปัจจุบันนี้ เรามีอัตราของคนโสดมากขึ้น หรือแม้กระทั้่งชายหญิงที่แต่งงานกันก็มักจะมี
อายุมากขึ้นไม่เหมือนสมัยก่อนที่หญิงชายที่แต่งงานกันจะมีอายุน้อยกว่าในปัจจุบันมาก ที่เป็นเช่นนี้เพราะการจัดงานแต่งงานนั้นมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ชายหญิงที่จบการศึกษาและเข้าทำงาน กว่าจะเก็บเงินเก็บทองมาแต่งงานก็คงจะใช้เวลาค่อนข้างมาก 

นี่เองจึงเป็นเหตุผลที่ผมนำมาเขียนบทความนี้ เพื่ออยากจะแนะนำให้คู่ที่กำลังจะแต่งงาน ควรจะต้องมีแผนการตั้งงบประมาณไว้ก่อน และต้องเป็นงบประมาณที่ไม่เกินกำลังของตน เท่าที่ผ่านมาผมเคยเห็นหนุ่มสาวบางคู่จัดงานแต่งงาน
เพื่อหน้าตาของตน บางรายรูดเงินจากบัตรกดเงินสดมาจัดงานก็มี  เป็นหนี้ไม่ว่าขอให้งานใหญ่และหรูหราไว้ก่อน
อันนี้ผมว่าไม่ค่อยจะถูกต้องนะครับ ฉะนั้นเมื่อหนุ่มสาวได้
มีการตัดสินใจว่าจะแต่งงานกัน ว่าที่คู่บ่าวสาวทั้งสองควร
ที่จะต้องมีการวางแผนงบประมาณการใช้จ่ายในงานแต่งของตน โดยเฉพาะรายจ่ายในเรื่องการจัดเลี้ยงและจัดหา
สถานที่จัดงานแต่งงาน ซึ่งผมว่าเป็นรายจ่ายหลักและเป็น
รายจ่ายส่วนที่มากที่สุดของการจัดงานแต่งงาน

สิ่งแรกว่าที่คู่บ่าวสาวต้องเริ่มร่างรายชื่อแขกที่ต้องการจะเชิญมาในงานแต่งไว้ก่อนครับ ว่าน่าจะมีจำนวนสักเท่าไหร่
และออกหาสถานที่จัดงานแต่งงานที่เหมาะกับจำนวนแขกที่ได้คาดการณ์ไว้ ไม่จำเป็นต้องใหญ่โตเกินจำเป็น ขอ
เพียงแต่ให้สามารถรองรับแขกที่เราต้องการจะเชิญมารวมถึงอุปกรณ์ต่างๆที่เราจะนำเข้าไปเพื่อตกแต่งสถานที่จัดงาน
เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว เพราะโดยปกติ สถานที่ใหญ่ๆและหรูๆมักจะมีราคาแพงครับ 

ที่ผมเน้นเรื่องสถานที่จัดงานแต่งงาน และจำนวนแขกที่จะเชิญมาเป็นอันดับแรก ก็เพราะรายจ่ายส่วนนี้ก็น่าจะเกิน
กว่า50%ของงบรายจ่ายทั้งหมดแล้วนะครับ นอกจากนั้นก็ยังมีส่วนอื่นๆอีกมากมายที่เป็นรายจ่าย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง
อุปกรณ์ตกแต่ง ซุ้มดอกไม้งานแต่งงาน ชุดแต่งงาน ของชำร่วย เค้กแต่งงาน ในส่วนนี้ผมแนะนำให้จัดหาตามงบที่เราตั้งไว้ ใช้เวลาและพิถีพิถันหาข้อมูลในรายละเอียดให้มากหน่อย ต้องใจเย็นอย่าตัดสินใจเร็วเกินไป รับรองว่าคุณจะได้ทั้งถูกทั้งดี อย่าลืมนะครับว่าส่วนที่สำคัญก็คือ คุณต้องควบคุมงบประมาณที่คุณทั้งสองตั้งไว้ให้ได้อย่าให้บานปลาย

กล่าวโดยสรุป

ในสังคมไทยส่วนใหญ่นั้น เราถูกสอนมาในเรื่องให้ความสำคัญกับหน้าตาในสังคมมากเกินไป ในความเห็นของผมนั้น ผมว่าการแต่งงานรวมถึงงานเลี้ยงฉลองสมรส ก็เป็นเพียงพิธีการอย่างหนึ่งที่ถือเป็นประเพณีปฎิบัติสืบต่อกันมา เป็นวัฒนธรรมประเพณีที่ควรสืบสานต่อไป แต่ต้องคำนึงถึงความเหมาะสม ตามยุคตามสมัย ตามสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน กล่าวโดยสรุปก็คือ จัดตามกำลังและงบประมาณของเราที่สามารถทำได้ อย่าลืมนะครับว่าสิ่งที่สำคัญกว่าก็คือชีวิตคู่หลังแต่งงานครับ ขอเน้นไว้เลยนะครับ ผมไม่อยากเห็นคู่บ่าวสาวต้องมาเป็นทุกข์ และเครียดกับการหาเงินมาชำระหนี้จากงานแต่งงานที่ให้ความสำคัญกับหน้าตาจนเกินไป ซึ่งความเครียดนี่เองอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการบาดหมาง เป็นจุดเริ่มต้นของความทุกข์ แล้วเราจะหาความสมบูรณ์ของชีวิตคู่หลังแต่งงานได้อย่างไร แต่สำหรับคู่ที่มีเงินถุงเงินถังก็ไม่ว่ากันครับ..


เครดิตข้อมูล : สถานที่จัดงานแต่งงาน
ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง : หาสถานที่แต่งงาน

Picture
Delicious Save this on Delicious
 วาไรตี้ดีดีจัง
Comments

ชีวิตคู่หลังแต่งงาน

6/26/2015

Comments

 
ก่อนที่จะมีชีวิตคู่หลังแต่งงาน
การที่คนเราสองคนตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตคู่ส่วนที่เหลือร่วมกันนั้น แน่นอนว่าบุคคลทั้งสองจะต้องมีความรักต่อกันในช่วงระยะเวลาหนึ่ง จนในที่สุดก็ได้ตัดสินใจที่จะแต่งงานกัน อย่างที่ผมได้เคยกล่าวมาแล้วว่า ความรักนั้นเป็นภาษาสากล เกิดได้กับทุกคน ไม่ว่าจะต่างเชื้อชาติต่างศาสนาก็สามารถที่จะมีความรักต่อกันได้ แต่ความรักนี้มันก็ช่างแปลก เพราะบางคนที่มีความรักก็รู้สึกจะมีความสุขตามไปด้วย แต่สำหรับบางคนพอเริ่มมีมันก็กลับมีความทุกข์ เอ่อก็แปลกดีนะ..
ชีวิตคู่หลังแต่งงาน
คู่รักก่อนแต่งงาน
มีชายหญิงอยู่หลายต่อหลายคู่ที่ก่อนแต่งงานนั้นรู้สึกว่า ชีวิตมีความสุขเสียเหลือเกิน ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเป็นสีชมพูไปหมด ไม่เคยเห็นข้อบกพร่องของคนที่เรารักเลยหรือพูดง่ายๆก็คือเขาหรือเธอทำอะไรก็ดีไปหมด แต่พอแต่งงานกันแล้ว ด้วยภาระหน้าที่การงานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเมื่อก่อนแต่งงานอาจจะมีคนคอยดูแลเอาใจใส่ แต่พอมีครอบครัวแล้วกลับต้องมาดูแลสามีหรือภรรยา เมื่อก่อนเขาหรือเธอมีอิสระจะไปเที่ยวเตร่สวนเสเฮฮากับเพื่อนๆยังไงก็ได้ แต่หลังแต่งงานแล้ว ชีวิตเปลี่ยนไปจะใช้ชีวิตอิสระอย่างเดิมไม่ได้ รู้สึกว่าความเป็นอิสระน้อยลง โดยเฉพาะบางรายที่ตีค่าความรักคือความเป็นเจ้าของ คิดว่าคนที่เรารักคือของๆตน สามารถที่จะบังคับหรือบงการอะไรก็ได้ จนกระทั่งก้าวล่วงเข้าไปในความเป็นส่วนตัวของอีกฝ่ายหนึ่งอย่างไม่รู้ตัว 
งานปาร์ตี้
สิ่งต่างๆเหล่านี้อาจจะเป็นบ่อเกิดแห่งการทะเลาะเบาะแว้ง เกิดการกระทบกระทั่งกันขึ้น ต่างฝ่ายต่างโทษกันไปโทษกันมา เริ่มไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน ในบางกรณีฝ่ายสามีหรือภรรยาต้องหารายได้เพิ่มขึ้น ทำงานล่วงเวลามากขึ้น ด้วยรายรับไม่พอกับรายจ่าย ต่างฝ่ายต่างก็เริ่มมีความสงสัย ระแวง หงุดหงิด เริ่มไม่ไว้วางใจกลัวว่าคนที่เรารักจะไปมีกิ๊กนอกบ้าน เริ่มคอยจับผิด ต่างฝ่ายต่างก็จะเริ่มอึดอัดมากขึ้น เรื่องต่างๆเหล่านี้อาจเกิดขึ้นได้กับคู่รักหลายๆคู่ ผมไม่ได้หมายความว่าชีวิตหลังแต่งงานนั้นจะแย่ไปเสียทุกคู่นะครับ ผมพูดถึงแต่ในประเด็นที่อาจจะเกิดขึ้นได้สำหรับคู่ที่ไม่สามารถปรับตัวได้ทัน ยิ่งอยู่ใกล้กันมาก ใช้ชีวิตร่วมกันมาก แน่นอนว่าย่อมมีการกระทบกระทั่งกันบ้างเป็นของธรรมดา เหมือนลิ้นกับฟันที่เราได้ยินกันอยู่บ่อยๆ

ชีวิตคู่หลังแต่งงานในทศวรรษใหม่
นี่แสดงให้เห็นว่า วิถีชีวิตหลังแต่งงานที่อยู่ร่วมบ้านเดียวกัน ใช้ชีวิตร่วมกันทุกๆวัน ไม่ได้เป็นหลักประกันความมั่นคงในความรัก และยึดมั่นต่อพันธะสัญญาที่มีต่อกันอีกต่อไป หลายคู่ได้ค้นพบเส้นทางการร่วมชีวิตแบบใหม่ ที่สามารถผสมผสานรักแท้อย่างมีเหตุผลกับเสรีภาพส่วนบุคคลไว้ด้วยกัน จนกลายเป็นทางเลือกใหม่ที่มาแรงจนอาจจะเป็นเทรนใหม่ของว่าที่คู่บ่าวสาวในยุคต่อไป

ตอนที่ผมเขียนบทความนี้ เผอิญได้ไปพบบทความในหนังสือ Teen, Kids & Family ซึ่งเป็นบทความที่กล่าวถึงการใช้ชีวิตคู่กึ่งอิสระหลังแต่งงาน หรืออาจจะไม่มีการแต่งงานก็ได้ ผมเห็นว่าอาจจะเป็นเทรนใหม่ของหนุ่มสาว หรือสำหรับคู่ที่กำลังเผชิญกับปัญหาอยู่อาจจะนำไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิตคู่ของตน เลยอยากจะนำมาแชร์ในบทความนี้ด้วย เห็นด้วยหรือไม่อย่างไร ก็ลองช่วยกันคอมเม้นต์กันดูนะครับ 
ชีวิตอิสระหลังแต่งงาน
นี่คือตัวอย่างแนวทางการใช้ชีวิตคู่กึ่งอิสระของหนุ่มสาวคู่หนึ่ง

"ฉันทำงานเป็นที่ปรึกษาการจัดการบริหาร ทำงานวันละ 12 ชั่วโมง ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันพฤหัสฯ หลังจากเลิกงานฉันจะกลับบ้าน และทำอาหารเย็นให้ตัวเอง จากนั้นก็จะพักผ่อนบนโซฟาตัวโปรด จิบไวน์ ฟังเพลงที่ชอบหรือดูหนังเรื่องโปรดคนเดียว ไม่ต้องพูดกับใครเลย..."

"เมื่อถึงวันศุกร์จะเป็นวันที่ฉันจะพบกับคู่รัก เขามีอาชีพเป็นครู และทำงานหลังจากเลิกงานประจำที่บาร์หรือภัตตาคาร หลังจากนั้นเราจะไปที่บ้านของเขาหรือของฉันก็ได้ เพราะบ้านของเราอยู่ห่างกันแค่ขับรถ 15 นาที เราจะได้ใช้ชีวิตร่วมกันตลอดวันหยุดสุดสัปดาห์ ใช้เวลาร่วมกันเหมือนคู่สามีภรรยาคู่อื่นๆ เจอเพื่อนๆ ออกไปดูหนัง และมีเซ็กซ์ด้วยกัน และเมื่อถึงวันจันทร์เราก็ต่างแยกย้ายกันไปทำงาน เลิกงานต่างคนต่างกลับบ้านของตัวเองเราได้โทรศัพท์คุยกัน อีเมล์ถึงกันทุกวัน โดยไม่จำเป็นต้องเจอหน้ากันทุกวัน จนกว่าจะถึงวันศุกร์..."

"งานของฉันต้องการเวลาและการทุ่มเทอย่างมาก คู่ของฉันก็เช่นเดียวกัน ฉันรักเขามากเพราะเขาเข้าใจว่าฉันต้องการเวลาสำหรับทำงาน เวลาสำหรับตัวเองตามลำพังเพื่อครุ่นคิดเรื่องต่างๆ และเขาก็ต้องการเวลาเช่นเดียวกับฉัน..."
ก่อนหน้าที่หนุ่มคนรักคนนี้ จะได้พบกับคู่รักคนปัจจุบัน เขาเคยมีคนรักมาก่อน แต่ความรักครั้งนั้นจบลงด้วยต่างคนต่างกล่าวหากันและกัน ว่าอีกฝ่ายหนึ่งไม่รักษาคำมั่นสัญญา และเห็นแก่ตัว

"มีผู้หญิงจำนวนมากอาจจะคิดว่า.. ถ้าผู้ชายไม่ได้อยู่กับพวกเธอตลอดเวลา ไม่ร่วมแบ่งปันรับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของกันและกันแล้ว นั่นย่อมแสดงว่า จะต้องมีอะไรที่ผิดปกติเกิดขึ้น..."

"เธอเป็นหญิงสาวคนแรก ที่ไม่เพียงแต่เคารพความต้องการเวลาส่วนตัวของผมเท่านั้น แต่เธอยังเข้าใจมันอย่างลึกซึ้งทีเดียว และผลของมันน่ะหรือครับ ผมยิ่งรู้สึกว่ามีพันธะสัญญากับเธอมากกว่าที่เคยรู้สึกกับผู้หญิงที่ผ่านเข้ามาในชีวิตทุกคนของผมเสียด้วยซํ้า..."

ความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวคู่นี้ เป็นปรากฏการณ์ใหม่ล่าสุดของการมีความรักใช้ชีวิตร่วมกัน "กึ่งอิสระ" ที่คนรักกันสองคนพึงจะมีทุกสิ่งทุกอย่างที่คู่สามีภรรยาต้องการ ความรัก เซ็กส์ มิตรภาพและพันธะสัญญา โดยทั้งคู่ไมจำเป็นหรือต้องการเวลาอยู่ด้วยกัน 24 ชั่วโมงตลอด 7 วัน
ชีวิตหลังแต่งงาน
"ชีวิตคู่กึ่งอิสระ" ดูจะเป็นทางออกที่ตอบสนองสภาพเศรษฐกิจและสังคมปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เสรีภาพ อิสรภาพ ที่เจริญงอกงามพร้อมกับความมั่นคงด้านเศรษฐกิจ ของผู้หญิงทำงานรุ่นใหม่ๆ ซึ่งในปัจจุบันผู้หญิงจำนวนมาก ไม่ได้ฝากชีวิตและอนาคตทางการเงินไว้ในอุ้งมือผู้ชาย รวมทั้งสถานภาพทางสังคมของพวกเธอด้วย...สาวทำงานเก่งเหล่านี้มองเห็นสาระประโยชน์ของการมีชีวิตคู่กึ่งอิสระ"
ความสัมพันธ์ของชีวิตคู่กึ่งอิสระก็คือ การตรวจสอบความหมายของการอยู่ด้วยกันที่มากกว่าความใกล้ชิด หรือจำนวนเวลาที่คนเราให้กับใครอีกคนหนึ่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ให้คำจำกัดความว่า "เป็นความสัมพันธ์ที่แข็งแรงอย่างแท้จริง" ที่คนสองคนยังคงความเป็นปัจเจกของเราไว้ด้วยกัน แจกแจงให้ชัดเจนก็คือ ทั้งคู่สามารถได้รักและได้รับความรักจากกันและกัน โดยไม่จำเป็นต้องพบหน้าอีกฝ่ายหนึ่งตลอดเวลา ด้วยความเชื่อถือเชื่อใจระหว่างกัน

ถ้า "ชีวิตคู่กึ่งอิสระ" สอนให้เรารู้ว่าความสัมพันธ์ที่ดีมีคุณภาพ จะต้องมีเสรีภาพรวมอยู่ด้วย มันก็ควรจะสอนให้เรารู้ว่าการมีอิสระเสรีภาพนั้น หมายถึงความมั่นคงทางจิตใจด้วย และเมื่อทั้งคู่ต้องการความสัมพันธ์ชนิดเต็มรูปแบบหรือกึ่งอิสระ ความรู้สึกมีสิทธิและอิสรภาพก็ติดตามเขาไปด้วย พวกเขายังคงมีชีวิตเป็นของตนเอง มีความสนใจและมีเพื่อนๆ ของตัวเอง พวกเขาอาจจะหลงรักกันและกันอย่างบ้าคลั่ง และจะมีชีวิตร่วมกันจนชั่วฟ้าดินสลาย แต่พวกเขาจะต้องสงวนความสัมพันธ์กึ่งอิสระนี้ไว้ที่มุมเล็กๆ ส่วนตัวด้วย

ชีวิตหลังแต่งงาน
กล่าวโดยสรุป

ชีวิตคู่หลังแต่งงาน ไม่ว่าชายหญิงจะใช้ชีวิตร่วมกันตลอด 24 ชั่วโมงหรือกึ่งอิสระดังที่กล่าวมาแล้วก็ตาม ผมว่ามันก็ไม่ได้เป็นหลักประกันของความสุขความยั่งยืนในชีวิตหลังแต่งงานหรอกครับ แต่ขึ้นอยู่กับการให้ความหมายของความรักในทางที่ถูกที่ควรอย่างมีเหตุผล และที่สำคัญความรักแน่นอนย่อมไม่ได้หมายถึงการเป็นเจ้าของ คนเราเป็นเจ้าของได้เฉพาะสิ่งของเครื่องใช้เท่านั้น แต่เราไม่สามารถเป็นเจ้าของสิ่งที่มีชีวิตได้แม้กระทั่งสัตว์ที่เราเลี้ยงไว้ อันที่จริงมันก็ต้องการอิสรภาพด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่มันไม่สามารถที่จะบอกเราได้

ความรักที่แท้จริงนั้นคือการให้ ให้การปกป้องดูแลเอาใจใส่ ให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ให้ความอบอุ่น ต้องการให้คนที่เรารักมีความสุข มีความปลอดภัย ใช้ความรักอย่างสมดุลย์อย่างมีเหตุมีผล เคารพในความเป็นส่วนตัวของกันและกัน และที่สำคัญต้องให้ความไว้วางใจและเชื่อใจกัน เพราะถ้าคุณไม่ไว้ใจคนที่คุณรักแล้ว คุณจะไว้ใจใครได้อีก ผมอยากให้คนที่กำลังใช้ชีวิตคู่ทุกคนมีความสุขและสุขอย่างยั่งยืนตลอดไป

-->การแต่งงานในทัศนะใหม่
Comments

ความเป็นมาของเค้กแต่งงาน

6/25/2015

Comments

 
การตัดเค้กแต่งงาน น่าจะเป็นความใฝ่ฝันของหนุ่มสาวหลายๆคู่ที่กำลังมีความรัก โดยเฉพาะฝ่ายหญิงแล้ว ผมว่าน่าจะมีเกินกว่า 90% เลยทีเดียวที่มีความฝันว่าจะได้มีโอกาสตัดเค้กแต่งงานสักครั้งหนึ่งในชีวิต 
ตัดเค้กแต่งงาน
เวลาที่เราไปงานเลี้ยงฉลองแต่งงาน ส่วนใหญ่แล้วจะเห็นว่ามีพิธีการตัดเค้ก หลายคนอาจจะสงสัยว่า งานแต่งงานทำไมต้องมีการตัดเค้ก และการตัดเค้กแต่งงานนั้นมีความเป็นมาอย่างไร เริ่มมีความนิยมและถือเป็นแนวปฎิบัติสืบต่อกันมาเมื่อใด วันนี้เลยถือโอกาสที่จะมาพูดคุยกันถึงเรื่องเค้กแต่งงาน

ประวัติความเป็นมาของเค้กแต่งงาน

ย้อนกลับไปในอดีตเมื่อประมาณ 5,000 ปีมาแล้ว เมื่อมีงานแต่งงานผู้คนที่มาร่วมงานก็มักจะนำเอาขนมปัง ผลไม้ และของหวานชนิดต่างๆมาบวงสรวงแก่เทพเจ้า เพื่อเป็นการขอพรให้แก่คู่บ่าวสาวในการที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน จนกระทั้งต่อๆมาในยุคแองโกลแซกซอน แขกที่มาในงานแต่งงานก็จะนำเอาขนมปังมาร่วมพิธีด้วย โดยต่างนำมากองรวมกันเป็นชั้นๆ มีการสอดแทรกพิธีกรรมของการเสี่ยงทายไปด้วย โดยให้ผู้ที่เป็นเจ้าบ่าวและเจ้าสาวปีนขึ้นไปจุมพิตกันบนยอดขนมปัง ถ้าคู่ใดสามารถปีนขึ้นไปจุมพิตกันได้ถึงยอดขนมปัง ก็ถือว่าคู่นั้นจะประสบโชคดี แต่ถ้าทำไม่สำเร็จตกลงมาก็จะสร้างความสนุกสนานครื้นเครงให้กับแขกที่มาร่วมงาน อันนี้ตามความเข้าใจของผมน่าจะเป็นกุศลบายอย่างหนึ่งเพื่อสร้างความสนุกสนานให้กับแขกที่เชิญมาในงานนั่นเอง

ซึ่งหลังจากนั้นก็ได้มีการวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ จนในที่สุดจากเดิมซึ่งเป็นขนมปังได้เปลี่ยนมาเป็นเค้กแต่งงานอย่างที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบันนี้ โดยจุดเปลี่ยนนั้นเชื่อว่าเริ่มจากพ่อครัวชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งนำน้ำตาลมาบดเป็นผงละเอียดเพื่อที่จะตกแต่งหน้าขนมปังให้มีความสวยงามกว่ารูปแบบเดิมๆ และมีการดัดแปลงกรรมวิธีต่อมาเรื่อยๆ จนในที่สุดก็สามารถเปลี่ยนขนมปังธรรมดาๆให้กลายสภาพเป็นเค้กที่มีรสชาติหอมหวานอร่อยชวนทานอย่างทุกวันนี้

ลักษณะของเค้กแต่งงาน

เค้กแต่งงาน
เค้กแต่งงานโดยส่วนใหญ่จะมีขนาดใหญ่ที่ฐานชั้นล่าง และมีรูปร่างเป็นชั้นๆขนาดลดหลั่นเรียงกันขึ้นไป และมีการตกแต่งหน้าเค้กอย่างสวยสดงดงามด้วยครีมและน้ำตาล ซึ่งในบางกรณีอาจมีการนำแอลด์มอน หรือ ช็อคโกแลตชิพมาเป็นส่วนผสมในการทำ โดยส่วนยอดของเค้กนั้นมักประดับด้วยตุ๊กตาแทนตัวบ่าวสาว หรือในบางความคิดอาจใช้เป็นรูปนก รูปแหวนทอง หรือรูปเกือกม้า ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี และความเจริญรุ่งเรืองสำหรับคู่บ่าวสาวทั้งสิ้น

เค้กแต่งงานที่ดีจะต้องมีเนื้อแน่นสามารถรองรับน้ำหนักของชั้นเค้กที่ตกแต่งอย่างสวยงามได้ และที่สำคัญยังต้องรับประทานได้และอร่อยอีกด้วย สิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ต้องอาศัยทักษะฝีมือความคิดสร้างสรรค์และความปราณีตเป็นอย่างมากจากพ่อครัวหรือผู้ทำขนมเค้ก ส่วนการที่จะเลือกเค้กแต่งงานที่เป็นรสชาติใดนั้น ก็คงขึ้นอยู่กับความต้องการของคู่บ่าวสาวเจ้าของงาน แต่ที่เห็นส่วนใหญ่แล้ว ก็มักจะเลือกเป็นบัตเตอร์เค้กกลิ่นวนิลา ส่วนอีกกรณีที่อยากจะพูดถึงในที่นี้ก็คือ ถ้าเป็นการจัดงานแบบเอ๊าท์ดอร์ เค้กที่เหมาะกับงานลักษณะนี้ควรจะต้องทนแดนทนลมได้สักหน่อย เช่น เค้กที่แต่งหน้าด้วยไอซิ่งหรือโรลฟองดองท์ (Rolled Fondant)

การตัดเค้กแต่งงาน

ประเพณีการตัดเค้กแต่งงาน ผมถือว่าเป็นไฮไลท์ของงานเลี้ยงฉลองสมรสเลยทีเดียว ซึ่งโดยปกติแล้ว ผู้เป็นเจ้าสาวจะเป็นคนตัด โดยมีเจ้าบ่าวคอยช่วยประคองไว้แต่เพียงเท่านั้น หลังจากตัดเค้กแล้ว ตามประเพณี ฝ่ายเจ้าสาวจะเป็นผู้นำเค้กที่ตัดไปแจกจ่ายให้กับบรรดาญาติๆของฝ่ายเจ้าบ่าว เปรียบเสมือนเป็นการบอกกล่าวว่า ต่อแต่นี้ไปตนจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกในครอบครัวของฝ่ายชายแล้ว 
ตัดเค้กแต่งงาน
หลังจากที่ได้นำเค้กแต่งงานไปให้กับบรรดาญาติๆของฝ่ายเจ้าบ่าวดังที่กล่าวไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เค้กแต่งงานนั้นก็จะถูกนำมาคัดแบ่งเป็นชิ้นๆเพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับแขกที่มาร่วมงานได้รับประทานกัน ซึ่งอาจจะทานเลยหรือจะนำกลับไปฝากบุคคลที่ไม่ได้มาร่วมงานก็ได้ (ซึ่งตามประเพณีโบราณเชื่อว่า หากเพื่อนเจ้าสาวคนใดนำเค้กแต่งงานไปไว้ใต้หมอนหรือข้างหมอนแล้วนอนหลับ สาวคนนั้นจะฝันเห็นคู่ชีวิตของตนในอนาคต จะจริงเท็จอย่างไรก็มิอาจทราบได้ คงต้องรบกวนผู้ที่เคยมีประสบการณ์มาแชร์ให้ฟัง)

สำหรับในประเทศไทย ระยะหลังเค้กแต่งงานได้มีการพัฒนาและปรับเปลี่ยนไปบ้างพอสมควร จากเค้กปอนด์แบบชั้นๆ ได้หันมานิยมคัพเค้ก หรือเค้กถ้วยกันมากขึ้น ก็อาจจะด้วยหลังจากที่ทำพิธีตัดเค้กแล้ว ก็สามารถนำออกแจกจ่ายให้กับญาติผู้ใหญ่และผู้ที่มาร่วมงานได้เลย ไม่ต้องมาทำการตัดแบ่งให้ยุ่งยาก และข้อดีอีกประการหนึ่งก็คือ ส่วนใหญ่แล้วเค้กแต่งงานที่เป็นคัพเค้กจะเป็นเค้กจริงทั้งหมด ซึ่งต่างจากเค้กปอนด์ที่เป็นชั้นๆ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเค้กจริงก็แต่เฉพาะฐานด้านล่างเท่านั้น เพราะถ้าใช้เค้กจริงทั้งหมดจะมีราคาแพงมาก
กล่าวโดยสรุป
การตัดเค้กแต่งงานในงานเลี้ยงฉลองสมรสนั้นเป็นที่นิยมและถือเป็นแนวปฎิบัติสืบต่อกันมาอย่างแพร่หลายจากอดีตจวบจนปัจจุบัน ถือว่าเป็นไฮไลท์ของงานเลยก็ว่าได้ ซึ่งในปัจจุบันนี้ งานเลี้ยงแต่งงานก็มักจะนำระบบแสง สี เสียงเข้ามาปรับใช้เพื่อเพิ่มสีสันของงานให้ตื่นตาตื่นใจมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงพิธีตัดเค้กแต่งงานนั้น มักจะนิยมใช้แสง สี เสียงตลอดจนการใช้ดรายไอ๊ซ์ ฟองสบู่ เข้ามาเสริม เพื่อช่วยเน้นให้คู่บ่าวสาวที่อยู่บนเวทีดูโดดเด่น และสง่างาม 

นอกจากนั้น พิธีตัดเค้กยังสามารถสร้างความประทับใจให้กับคู่บ่าวสาวทั้งสอง ซึ่งจะประทับอยู่ในความทรงจำไปอีกนานแสนนาน ในปัจจุบันเค้กแต่งงานถือเสมือนหนึ่งเป็นตัวแทนแห่งความหวานของชีวิตคู่ อีกทั้งยังเป็นการแสดงความกตัญญูต่อบิดามารดา เมื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาวร่วมกันตัดเค้กมอบให้กับบิดามารดาของทั้งสองฝ่ายเพื่อแสดงความขอบคุณต่อท่านผู้มีพระคุณทั้งสอง...


--> ทำไมถึงต้องสวมแหวนแต่งงานในงานแต่ง
Comments

แหวนแต่งงาน

5/27/2015

Comments

 
ในสมัยยุคสมัยโบราณนั้น มนุษย์เราเชื่อว่า การที่คนเรารักกันและได้สวมสวมแหวนที่นิ้วนางให้แก่กันนั้น อำนาจแห่งความรักสามารถที่จะส่งผ่านเข้าสู่หัวใจของกันและกันได้ ด้วยเชื่อว่านิ้วนางด้านซ้ายนั้นมีเส้นเลือดที่เชื่อมตรงเข้าสู่หัวใจ และยังสื่อความหมายถึง คำมั่นสัญญาที่มีให้ต่อกันว่า จะร่วมทุกข์ ร่วมสุข และจะดูแลซึ้งกันและกัน ให้ความมั่นคง ความอบอุ่นแก่กัน นอกจากนั้น ความราบเรียบของแหวนที่ไม่มีรอยต่อ ยังหมายถึง เส้นทางแห่งความรักที่ราบเรียบ ไม่มีที่สิ้นสุดอีกด้วย
แหวนแต่งงาน

ประวัติและความเป็นมาของแหวนแต่งงาน

ชนกลุ่มแรกที่เริ่มใช้แหวนแต่งงาน คือชาวอียิปต์ โดยปรากฏหลักฐานจากอักษรภาพที่แสดงความหมายของวงกลม ซึ่งหมายถึง ความเป็นนิรันดร์ และแหวนแต่งงานก็คือ ความหมายแห่งรักแท้ที่จะอมตะนิรันดรสืบทอดไปตราบจนชั่ว
ฟ้าดินสลาย ในระยะแรกนั้นมีการใช้เถาวัลย์นำมาถักเป็นแหวนสวมใส่ให้แก่กัน ซึ้งไม่คงทนสามารถสวมใส่ได้เพียงชั่ว
ระยะเวลาหนึ่ง จึงได้มีการพัฒนาโดยการใช้วัสดุอย่างอื่น เช่นหนังสัตว์ เขา แม้กระทั่งงาช้าง ตลอดจนใช้โลหะต่างๆมาทำแหวนแทนเถาวัลย์ 

และในกาลต่อมา เมื่อความเชื่อเรื่องการสวมแหวนได้ถูกถ่ายทอดเข้าสู่ยุคโรมัน ซึ้งมีความรู้และความชำนาญในเรื่อง
การหลอมโลหะกว่ายุคอียิปต์โบราณ จึงได้มีการพัฒนาโดยใช้โลหะที่มีค่ามาทำแหวน ซึ้งถือได้ว่าแหวนแต่งงานที่
เป็นโลหะนั้น ได้มีการพัฒนาอย่างจริงจังในยุคนี้เอง แรกเริ่มเดิมทีนั้น แหวนแต่งงานได้ถูกทำขึ้นจากเนื่อโลหะเหล็ก
แต่ด้วยปัญหาการเกิดสนิม จึงค่อยๆเสื่อมความนิยมไปในที่สุด และได้มีการนำเนื้อโหละชนิดต่างๆพัฒนามาทำแหวน
พร้อมประดับด้วยหินสี พลอย และอัญมณีต่างๆเพื่อเพิ่มคุณค่า จนในที่สุดมาเป็นแหวนแต่งงานที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน
ซึ้งโดยส่วนใหญ่จะทำจากโลหะทองคำ
แหวนแต่งงาน
ต่อมา ธรรมเนียมการสวมแหวนนั้น ถูกนำไปเป็นจุดเริ่มต้นของ พิธีหมั้น ( Engagement ) เพื่อประกาศให้เป็นที่รู้กันว่า หญิงสาวที่สวมแหวนวงนี้ คือ หญิงสาวที่กำลังจะเข้าสู่พิธีแต่งงานในเร็ววัน อีกทั้งยังเป็นการเตือนชายคนอื่นๆไม่
สมควรที่จะเข้ามาข้องแวะด้วย แหวนแต่งงานจึงเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของการเป็นเจ้าของอีกวิธีหนึ่งของชายโรมัน
ประเพณีสวมแหวนหมั้นหรือแหวนแต่งงาน จึงเกิดเป็นธรรมเนียมปฎิบัติสืบต่อกันมา จนได้รับความนิยมอย่างแพร่
หลายจวบจนถึงปัจจุบัน

สำหรับแหวนแต่งงานในประเทศไทยนั้น ได้มีการพัฒนารูปร่างและวัสดุที่ที่ใช้แตกต่างกันไป อีกทั้งมีความเชื่อเข้ามา
เกี่ยวข้องอีกด้วย ทั้งเรื่องของอัญมณี ซึ้งแต่เดิมนั้นใช้เป็นเครื่องบอกแต่เพียงฐานะ แต่ปัจจุบันนั้นมีเรื่องของความเชื่อเข้ามาปะปนอยู่ อย่างเช่น เพชรที่นำมาใช้ประกอบแหวนแต่งงาน ควรจะต้องเป็นสีใสบริสุทธิไร้สิ่งเจือปน หรือไม่ก็ใช้
เป็นสีชมพู สีฟ้า แล้วรูปร่างก็ห้ามเป็นรูปหยดน้ำเด็ดขาด เพราะจะทำให้คู่รักทะเลาะกัน
พิธีสวมแหวนงานแต่งงาน
Delicious Save this on Delicious
อย่างไรก็ตามคงไม่มีทางสำคัญไปกว่า ความรู้สึกของคนสองคนที่มีให้ต่อกัน โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันด้วยแล้ว คู่บ่าวสาวที่จะเริ่มสร้างครอบครัวใหม่นั้นค่อนข้างยากลำบากกว่าในยุคก่อนๆ  ถ้าหากสามารถลดค่าแหวนแต่งงานที่มีราคา
แพงมหาโหดลงได้ และนำมาเป็นทุนเพื่อต้อนรับสมาชิกใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ผมว่าน่าจะเข้าท่ากว่า...จริงมั้ยครับ


--> ขอแต่งงาน

Comments

ทำไมต้องแต่งงาน

5/14/2015

Comments

 

ก่อนถึงวันแต่งงาน

เมื่อชายและหญิงได้มีการคบหากันมาสักระยะหนึ่ง มีความรู้สึกต้องตาต้องใจซึ้งกันและกัน จนเกิดความรักต่อกัน อีกทั้งมีความสนิทสนมคุ้นเคยและได้เรียนรู้อุปนิสัยนิสัยใจคอกันเป็นอย่างดีแล้ว แน่นอนว่าในที่สุดเมื่อถึงเวลาอันควร คู่รักทั้งสองจะต้องมีความต้องการที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน และตกลงปลงใจที่จะสร้างครอบครัวใหม่ของตน ซึ่งความรู้สึกนี้ ผมว่าน่าจะเกิดกับทุกผู้ทุกคนที่กำลังมีความรัก เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติของมนุษย์ที่พยายามจะดำรงเผ่าพันธุ์ของตนเองไว้ นี่จึงเป็นที่มาของการแต่งงาน
Picture

ทำไมถึงต้องแต่งงาน

การแต่งงานนั้น นอกจากจะเป็นประเพณีที่ถือปฎิบัติต่อๆกันมาแล้ว ยังเป็นการประกาศให้สังคมได้รู้ว่า คู่รักทั้งสองตกลงที่จะใช้ชีวิตส่วนที่เหลือร่วมกัน สร้างครอบครัวใหม่พร้อมมีทายาทเพื่อสืบวงศ์ตระกูลของตนต่อไป เป็นการบ่งบอกว่าผู้ที่จะแต่งงานนั้นมีความเป็นผู้ใหญ่แล้ว มีความรับผิดชอบมากขึ้น และพร้อมที่จะไปสร้างครอบครัวใหญ่ของตนเอง อีกทั้งยังเป็นเสมือนการแนะนำให้คู่รักของตนเป็นที่รู้จักของญาติผู้ใหญ่ของแต่ละฝ่าย เพื่อที่จะได้นับญาติกันต่อไปอีกด้วย

สำหรับหญิงชายที่แต่งงานกันแล้ว ถือได้ว่าเขาทั้งสองมีพันธะต่อกัน จะร่วมทุกข์ร่วมสุข และช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ดูแลห่วงใยกัน ต่างฝ่ายต่างต้องทำหน้าที่ของสามีภรรยาที่ดีต่อกัน อย่าได้บกพร่อง เพื่อสร้างความอบอุ่น ความมั่นคงให้กับครอบครัว เป็นชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์ต่อไปในอนาคต

ในสมัยดึกดำบรรพ์ ผมเชื่อว่าเมื่อชายหญิงถูกตาต้องใจกันก็จะมากินอยู่หลับนอน ตลอดจนร่วมรักกันเพื่อที่จะมีการขยายเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ตามสัญชาตญาณ ซึ่งเป็นไปตามกฎเกณฑ์ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้ แต่ในระยะต่อๆมา มนุษย์ได้มีการพัฒนาการดำเนินชีวิตจากที่ต่างคนต่างอยู่ เข้าสู่ระบบสังคมมากขึ้น มีระเบียบกฎเกณฑ์ในการอยู่ร่วมกันในสังคมมากขึ้น ก็น่าที่จะเป็นเหตุให้มีการแต่งงานเกิดขึ้น เพื่อที่จะเป็นการบอกกล่าวให้สังคมรู้ว่า จะมีครอบครัวใหม่เกิดขึ้นในสังคม นอกจากนั้นยังเป็นการบอกกล่าวอีกด้วยว่า ชายหญิงคู่นั้นกำลังจะมีเจ้าของแล้ว ไม่ควรที่ใครจะไปยุ่งเกี่ยวด้วย 

ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างตนน่าจะเป็นส่วนหนึ่งของการเกิดประเพณีการแต่งงาน ซึ้งถือเป็นแนวปฎิบัติ เป็นประเพณีนิยมที่ทำสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน ซึ้งอาจจะมีความแตกต่างกันบ้าง ตามเชื้อชาติ ตามความเชื่อ ตามหลักศาสนาในแต่ละท้องถิ่น แต่ละประเทศ
Picture
ตามความเชื่อที่สืบทอดกันมานั้น การแต่งงาน ถือว่าเป็นพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นพิธีมงคล การประกอบพิธีแต่งงานจึงมักจะมีพิธีกรรมทางศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่เสมอ เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคล เกิดความเจริญรุ่งเรืองให้กับคู่บ่าวสาวทั้งสอง ซึ้งพิธีกรรมทางศาสนานั้นจะแตกต่างกันไปตามความเชื่อ ตามหลักศาสนาของตน นอกจากพิธีทางศาสนาแล้ว การแต่งงานในบางท้องถิ่น ยังผสมผสานด้วยพิธีการตามหลักวัฒนธรรมประจำท้องถิ่นนั้นๆอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น พิธีผูกข้อไม้ข้อมือเพื่อรับขวัญ ในประเพณีงานแต่งงานแถบภาคอีสานของประเทศไทย

ซึ้งไม่ว่างานแต่งงานจะจัดขึ้นตามหลักประเพณีนิยมหรือตามหลักศาสนาใดก็ตาม ในความคิดส่วนตัวของผมแล้ว ผมให้ความสำคัญกับชีวิตหลังแต่งงานมากกว่า เพราะครอบครัวจะมีความสุข มีความสมบูรณ์มั่นคงแค่ไหน ล้วนขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตร่วมกันของคู่บ่าวสาวทั้งสิ้นว่า.. เขาท้งสองได้ทำหน้าที่สามีภรรยาที่ดีต่อกันหรือไม่ เอาอกเอาใจและเข้าใจซึ้งกันและกันแค่ไหน รู้จักการเอาใจใส่ดูแล รู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา รู้จักการให้อภัยต่อกัน ไม่ถือเอาอารมณ์ของตนเป็นใหญ่ 
Picture
อย่าลืมนะครับว่า การจัดงานแต่งงานนั้นสำคัญก็จริง แต่ก็เป็นเพียงประเพณีนิยมที่ถือปฎิบัติสืบต่อกันมาหรือเป็นแต่เพียงพิธีการเท่านั้น มันไม่ได้มีส่วนมาทำให้ชีวิตครอบครัวของคุณสมบูรณ์แต่อย่างใด ส่วนการดำเนินชีวิตหลังแต่งงานนั้นซิครับเป็นปัจจัยที่สำคัญเอามากๆ เพาะมันจะเป็นตัวบ่งชี้ว่า ความรักที่คุณมีต่อกันมาช้านานนั้น มันสามารถที่จะฝันฝ่าคลื่นลมในบางขณะ เพื่อที่จะนำพาชีวิตครอบครัวของคุณไปถึงฝั่งฝันตามที่คุณต้องการหรือไม่..!


บทความที่เกี่ยวข้อง : การจัดงานแต่งงานตามประเพณีไทย
เครดิตบทความ : การจัดงานแต่งงาน

Delicious Save this on Delicious
สารบัญเว็บไซต์ !
Comments

    ธนชาต ชยะกุลศักดา

    อาชีพปัจจุบัน รับจัดงานแต่งงาน พร้อมวางแผนการจัดงานแต่งงาน สำหรับคู่บ่าวสาวยุคใหม่ ณ.สถานที่จัดงานแต่งงาน เดอะโซเรนโต้

    Archives

    July 2015
    June 2015
    May 2015

    สารบัญบทความ
    งานแต่งงานในทัศนะใหม่
    ที่มามาของแหวนแต่งงาน
    ทำไมต้องแต่งงาน
    ทีมาของเค้กแต่งงาน
    การขอแต่งงาน
    วางแผนจัดงานแต่งงาน
    ชีวิตหลังแต่งงาน

    RSS Feed

    Blog Directory & Business Pages - OnToplist.com
Powered by Create your own unique website with customizable templates.