เพื่อนๆอย่าเพิ่งเข้าใจผมผิดนะครับ การที่ผมเกริ่นหัวข้อว่า "การแต่งงานในทัศนะใหม่นั้น" ไม่ได้หมายถึงการที่หนุ่มสาวจะมาอยู่กันแบบเฉยๆโดยไม่ผ่านขบวนการจดทะเบียน ไม่มีการสู่ขอ ไม่มีการแต่งงานตามประเพณีไทยที่ถือเป็น
แนวปฎิบัติกันมาตั้งแต่โบราณ แต่ผมหมายถึงการแต่งงานที่เหมาะกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบันซึ่งมีการ
เปลี่ยนแปลงไปเป็นแบบก้าวกระโดดจากการใช้ชีวิตและความเป็นอยู่ในอดีต
อย่างที่เราทราบๆกันดีอยู่แล้วว่า อัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันนั้นขยับตัวสูงขึ้นๆในทุกๆปี นอกจากนั้นมีการพัฒนาทางด้าน
ด้านเทคโนโลยี่และการรับข้อมูลข่าวสารกันอย่างต่อเนื่อง ไม่มียุคใดที่มนุษย์จะได้รับข้อมูลข่าวสารและสามารถติดต่อ
ถึงกันได้อย่างสะดวกรวดเร็วเท่าในยุคปัจจุบันนี้อีกแล้ว เหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้นี่เองที่ทำให้โลกเราเปลี่ยนแปลงไป
อย่างรวดเร็ว ทุกๆคนในสังคมจึงต้องพยายามปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงนั้น ถ้าช้าอาจจะถูกกล่าวหาว่าเป็นคนตกยุคตกเทรน จึงทำให้ในโลกปัจจุบันนี้คนในสังคมต่างอยากมีการศึกษาที่สูงขึ้น บางคนใช้เวลากว่าค่อนชีวิตไปกับ
การศึกษา อีกทั้งยังต้องมีความเชี่ยวชาญในสายอาชีพการงานของตนให้มากขึ้น เพื่อที่จะเป็นข้อได้เปรียบทางในด้าน
การแข่งขันผลงานของตนกับคนในองค์กรเดียวกันในการก้าวขึ้นตำแหน่งที่สูงขึ้น เงินเดือนมากขึ้น
อีกทั้งธุรกิจการค้าต่างๆในปัจจุบันนี้ก็มีการแข่งขันกันดุเดือดมากขึ้น ไม่ใช่เฉพาะการแข่งขันกันภายในแต่ละประเทศ
เท่านั้น แต่เป็นการแข่งขันระดับโลกในยุคไร้พรมแดน จึงทำให้การสร้างรายได้จากภาคส่วนธุรกิจในแต่ละองค์กรก็จะ
มีความยากขึ้นตามไปด้วย
ด้วยเหตุผลดังกล่าว เราจึงต้องใช้เวลากับกิจกรรมต่างๆเหล่านี้มากขึ้น ทํากิจวัตรประจำวันของตนอย่างเร่งรีบแข่งกับ
เวลา ใช้ทุกวินาทีของชีวิตให้มีคุณค่า เพื่อที่จะสร้างรายได้ให้พอกับรายจ่ายในการดำรงชีวิตประจำวันที่สูงขึ้นอย่าง
ต่อเนื่อง จึงทำให้คนในสังคมส่วนใหญ่เกิดความเครียดเกิดความกังวล ไม่มีจิตใจที่จะมาคิดถึงการมีครอบครัว นำเวลาของชีวิตทั้งหมดไปทุ่มเทกับการทำงานเพื่อสร้างรายได้ รวมกับความกังวลที่ว่าถ้าเริ่มมีครอบครัวก็จะมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น
ต้องหาเงินมากขึ้น เวลาที่จะใช้ชีวิตอย่างอิสระก็จะลดลงจากเดิมทั้งๆที่มีน้อยอยู่แล้ว
แนวปฎิบัติกันมาตั้งแต่โบราณ แต่ผมหมายถึงการแต่งงานที่เหมาะกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบันซึ่งมีการ
เปลี่ยนแปลงไปเป็นแบบก้าวกระโดดจากการใช้ชีวิตและความเป็นอยู่ในอดีต
อย่างที่เราทราบๆกันดีอยู่แล้วว่า อัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันนั้นขยับตัวสูงขึ้นๆในทุกๆปี นอกจากนั้นมีการพัฒนาทางด้าน
ด้านเทคโนโลยี่และการรับข้อมูลข่าวสารกันอย่างต่อเนื่อง ไม่มียุคใดที่มนุษย์จะได้รับข้อมูลข่าวสารและสามารถติดต่อ
ถึงกันได้อย่างสะดวกรวดเร็วเท่าในยุคปัจจุบันนี้อีกแล้ว เหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้นี่เองที่ทำให้โลกเราเปลี่ยนแปลงไป
อย่างรวดเร็ว ทุกๆคนในสังคมจึงต้องพยายามปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงนั้น ถ้าช้าอาจจะถูกกล่าวหาว่าเป็นคนตกยุคตกเทรน จึงทำให้ในโลกปัจจุบันนี้คนในสังคมต่างอยากมีการศึกษาที่สูงขึ้น บางคนใช้เวลากว่าค่อนชีวิตไปกับ
การศึกษา อีกทั้งยังต้องมีความเชี่ยวชาญในสายอาชีพการงานของตนให้มากขึ้น เพื่อที่จะเป็นข้อได้เปรียบทางในด้าน
การแข่งขันผลงานของตนกับคนในองค์กรเดียวกันในการก้าวขึ้นตำแหน่งที่สูงขึ้น เงินเดือนมากขึ้น
อีกทั้งธุรกิจการค้าต่างๆในปัจจุบันนี้ก็มีการแข่งขันกันดุเดือดมากขึ้น ไม่ใช่เฉพาะการแข่งขันกันภายในแต่ละประเทศ
เท่านั้น แต่เป็นการแข่งขันระดับโลกในยุคไร้พรมแดน จึงทำให้การสร้างรายได้จากภาคส่วนธุรกิจในแต่ละองค์กรก็จะ
มีความยากขึ้นตามไปด้วย
ด้วยเหตุผลดังกล่าว เราจึงต้องใช้เวลากับกิจกรรมต่างๆเหล่านี้มากขึ้น ทํากิจวัตรประจำวันของตนอย่างเร่งรีบแข่งกับ
เวลา ใช้ทุกวินาทีของชีวิตให้มีคุณค่า เพื่อที่จะสร้างรายได้ให้พอกับรายจ่ายในการดำรงชีวิตประจำวันที่สูงขึ้นอย่าง
ต่อเนื่อง จึงทำให้คนในสังคมส่วนใหญ่เกิดความเครียดเกิดความกังวล ไม่มีจิตใจที่จะมาคิดถึงการมีครอบครัว นำเวลาของชีวิตทั้งหมดไปทุ่มเทกับการทำงานเพื่อสร้างรายได้ รวมกับความกังวลที่ว่าถ้าเริ่มมีครอบครัวก็จะมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น
ต้องหาเงินมากขึ้น เวลาที่จะใช้ชีวิตอย่างอิสระก็จะลดลงจากเดิมทั้งๆที่มีน้อยอยู่แล้ว
การแต่งงานทัศนะใหม่ในความหมายของผม

ด้วยเหตุดังกล่าวทำให้ในปัจจุบันนี้ เรามีอัตราของคนโสดมากขึ้น หรือแม้กระทั้่งชายหญิงที่แต่งงานกันก็มักจะมี
อายุมากขึ้นไม่เหมือนสมัยก่อนที่หญิงชายที่แต่งงานกันจะมีอายุน้อยกว่าในปัจจุบันมาก ที่เป็นเช่นนี้เพราะการจัดงานแต่งงานนั้นมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ชายหญิงที่จบการศึกษาและเข้าทำงาน กว่าจะเก็บเงินเก็บทองมาแต่งงานก็คงจะใช้เวลาค่อนข้างมาก
นี่เองจึงเป็นเหตุผลที่ผมนำมาเขียนบทความนี้ เพื่ออยากจะแนะนำให้คู่ที่กำลังจะแต่งงาน ควรจะต้องมีแผนการตั้งงบประมาณไว้ก่อน และต้องเป็นงบประมาณที่ไม่เกินกำลังของตน เท่าที่ผ่านมาผมเคยเห็นหนุ่มสาวบางคู่จัดงานแต่งงาน
เพื่อหน้าตาของตน บางรายรูดเงินจากบัตรกดเงินสดมาจัดงานก็มี เป็นหนี้ไม่ว่าขอให้งานใหญ่และหรูหราไว้ก่อน
อันนี้ผมว่าไม่ค่อยจะถูกต้องนะครับ ฉะนั้นเมื่อหนุ่มสาวได้
มีการตัดสินใจว่าจะแต่งงานกัน ว่าที่คู่บ่าวสาวทั้งสองควร
ที่จะต้องมีการวางแผนงบประมาณการใช้จ่ายในงานแต่งของตน โดยเฉพาะรายจ่ายในเรื่องการจัดเลี้ยงและจัดหา
สถานที่จัดงานแต่งงาน ซึ่งผมว่าเป็นรายจ่ายหลักและเป็น
รายจ่ายส่วนที่มากที่สุดของการจัดงานแต่งงาน
สิ่งแรกว่าที่คู่บ่าวสาวต้องเริ่มร่างรายชื่อแขกที่ต้องการจะเชิญมาในงานแต่งไว้ก่อนครับ ว่าน่าจะมีจำนวนสักเท่าไหร่
และออกหาสถานที่จัดงานแต่งงานที่เหมาะกับจำนวนแขกที่ได้คาดการณ์ไว้ ไม่จำเป็นต้องใหญ่โตเกินจำเป็น ขอ
เพียงแต่ให้สามารถรองรับแขกที่เราต้องการจะเชิญมารวมถึงอุปกรณ์ต่างๆที่เราจะนำเข้าไปเพื่อตกแต่งสถานที่จัดงาน
เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว เพราะโดยปกติ สถานที่ใหญ่ๆและหรูๆมักจะมีราคาแพงครับ
ที่ผมเน้นเรื่องสถานที่จัดงานแต่งงาน และจำนวนแขกที่จะเชิญมาเป็นอันดับแรก ก็เพราะรายจ่ายส่วนนี้ก็น่าจะเกิน
กว่า50%ของงบรายจ่ายทั้งหมดแล้วนะครับ นอกจากนั้นก็ยังมีส่วนอื่นๆอีกมากมายที่เป็นรายจ่าย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง
อุปกรณ์ตกแต่ง ซุ้มดอกไม้งานแต่งงาน ชุดแต่งงาน ของชำร่วย เค้กแต่งงาน ในส่วนนี้ผมแนะนำให้จัดหาตามงบที่เราตั้งไว้ ใช้เวลาและพิถีพิถันหาข้อมูลในรายละเอียดให้มากหน่อย ต้องใจเย็นอย่าตัดสินใจเร็วเกินไป รับรองว่าคุณจะได้ทั้งถูกทั้งดี อย่าลืมนะครับว่าส่วนที่สำคัญก็คือ คุณต้องควบคุมงบประมาณที่คุณทั้งสองตั้งไว้ให้ได้อย่าให้บานปลาย
อายุมากขึ้นไม่เหมือนสมัยก่อนที่หญิงชายที่แต่งงานกันจะมีอายุน้อยกว่าในปัจจุบันมาก ที่เป็นเช่นนี้เพราะการจัดงานแต่งงานนั้นมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ชายหญิงที่จบการศึกษาและเข้าทำงาน กว่าจะเก็บเงินเก็บทองมาแต่งงานก็คงจะใช้เวลาค่อนข้างมาก
นี่เองจึงเป็นเหตุผลที่ผมนำมาเขียนบทความนี้ เพื่ออยากจะแนะนำให้คู่ที่กำลังจะแต่งงาน ควรจะต้องมีแผนการตั้งงบประมาณไว้ก่อน และต้องเป็นงบประมาณที่ไม่เกินกำลังของตน เท่าที่ผ่านมาผมเคยเห็นหนุ่มสาวบางคู่จัดงานแต่งงาน
เพื่อหน้าตาของตน บางรายรูดเงินจากบัตรกดเงินสดมาจัดงานก็มี เป็นหนี้ไม่ว่าขอให้งานใหญ่และหรูหราไว้ก่อน
อันนี้ผมว่าไม่ค่อยจะถูกต้องนะครับ ฉะนั้นเมื่อหนุ่มสาวได้
มีการตัดสินใจว่าจะแต่งงานกัน ว่าที่คู่บ่าวสาวทั้งสองควร
ที่จะต้องมีการวางแผนงบประมาณการใช้จ่ายในงานแต่งของตน โดยเฉพาะรายจ่ายในเรื่องการจัดเลี้ยงและจัดหา
สถานที่จัดงานแต่งงาน ซึ่งผมว่าเป็นรายจ่ายหลักและเป็น
รายจ่ายส่วนที่มากที่สุดของการจัดงานแต่งงาน
สิ่งแรกว่าที่คู่บ่าวสาวต้องเริ่มร่างรายชื่อแขกที่ต้องการจะเชิญมาในงานแต่งไว้ก่อนครับ ว่าน่าจะมีจำนวนสักเท่าไหร่
และออกหาสถานที่จัดงานแต่งงานที่เหมาะกับจำนวนแขกที่ได้คาดการณ์ไว้ ไม่จำเป็นต้องใหญ่โตเกินจำเป็น ขอ
เพียงแต่ให้สามารถรองรับแขกที่เราต้องการจะเชิญมารวมถึงอุปกรณ์ต่างๆที่เราจะนำเข้าไปเพื่อตกแต่งสถานที่จัดงาน
เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว เพราะโดยปกติ สถานที่ใหญ่ๆและหรูๆมักจะมีราคาแพงครับ
ที่ผมเน้นเรื่องสถานที่จัดงานแต่งงาน และจำนวนแขกที่จะเชิญมาเป็นอันดับแรก ก็เพราะรายจ่ายส่วนนี้ก็น่าจะเกิน
กว่า50%ของงบรายจ่ายทั้งหมดแล้วนะครับ นอกจากนั้นก็ยังมีส่วนอื่นๆอีกมากมายที่เป็นรายจ่าย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง
อุปกรณ์ตกแต่ง ซุ้มดอกไม้งานแต่งงาน ชุดแต่งงาน ของชำร่วย เค้กแต่งงาน ในส่วนนี้ผมแนะนำให้จัดหาตามงบที่เราตั้งไว้ ใช้เวลาและพิถีพิถันหาข้อมูลในรายละเอียดให้มากหน่อย ต้องใจเย็นอย่าตัดสินใจเร็วเกินไป รับรองว่าคุณจะได้ทั้งถูกทั้งดี อย่าลืมนะครับว่าส่วนที่สำคัญก็คือ คุณต้องควบคุมงบประมาณที่คุณทั้งสองตั้งไว้ให้ได้อย่าให้บานปลาย
กล่าวโดยสรุป
ในสังคมไทยส่วนใหญ่นั้น เราถูกสอนมาในเรื่องให้ความสำคัญกับหน้าตาในสังคมมากเกินไป ในความเห็นของผมนั้น ผมว่าการแต่งงานรวมถึงงานเลี้ยงฉลองสมรส ก็เป็นเพียงพิธีการอย่างหนึ่งที่ถือเป็นประเพณีปฎิบัติสืบต่อกันมา เป็นวัฒนธรรมประเพณีที่ควรสืบสานต่อไป แต่ต้องคำนึงถึงความเหมาะสม ตามยุคตามสมัย ตามสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน กล่าวโดยสรุปก็คือ จัดตามกำลังและงบประมาณของเราที่สามารถทำได้ อย่าลืมนะครับว่าสิ่งที่สำคัญกว่าก็คือชีวิตคู่หลังแต่งงานครับ ขอเน้นไว้เลยนะครับ ผมไม่อยากเห็นคู่บ่าวสาวต้องมาเป็นทุกข์ และเครียดกับการหาเงินมาชำระหนี้จากงานแต่งงานที่ให้ความสำคัญกับหน้าตาจนเกินไป ซึ่งความเครียดนี่เองอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการบาดหมาง เป็นจุดเริ่มต้นของความทุกข์ แล้วเราจะหาความสมบูรณ์ของชีวิตคู่หลังแต่งงานได้อย่างไร แต่สำหรับคู่ที่มีเงินถุงเงินถังก็ไม่ว่ากันครับ..
เครดิตข้อมูล : สถานที่จัดงานแต่งงาน
ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง : หาสถานที่แต่งงาน
เครดิตข้อมูล : สถานที่จัดงานแต่งงาน
ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง : หาสถานที่แต่งงาน