สถานที่จัดงานแต่งงาน-รับจัดงานแต่งงาน
  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับเรา
  • แพ็คเกจงานพิธีเช้า
  • แพ็คเกจงานเลี้ยงแต่งเย็น
  • แพ็คเกจพานขันหมาก
  • แกลอรี่ภาพงาน
  • แพ็คเกจโต๊ะจีน
  • แพ็คเกจบุฟเฟ่ต์
  • บทความที่น่าสนใจ
  • ติดต่อเรา
  • กระดานสนทนา
  • พานขันหมากให้เช่า
  • โปรสุดคุ้มแบบโดนๆ

การแต่งงานในทัศนะใหม่

6/29/2015

Comments

 
การจัดงานแต่งงาน
เพื่อนๆอย่าเพิ่งเข้าใจผมผิดนะครับ การที่ผมเกริ่นหัวข้อว่า "การแต่งงานในทัศนะใหม่นั้น" ไม่ได้หมายถึงการที่หนุ่มสาวจะมาอยู่กันแบบเฉยๆโดยไม่ผ่านขบวนการจดทะเบียน ไม่มีการสู่ขอ ไม่มีการแต่งงานตามประเพณีไทยที่ถือเป็น
แนวปฎิบัติกันมาตั้งแต่โบราณ แต่ผมหมายถึงการแต่งงานที่เหมาะกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบันซึ่งมีการ
เปลี่ยนแปลงไปเป็นแบบก้าวกระโดดจากการใช้ชีวิตและความเป็นอยู่ในอดีต

อย่างที่เราทราบๆกันดีอยู่แล้วว่า อัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันนั้นขยับตัวสูงขึ้นๆในทุกๆปี นอกจากนั้นมีการพัฒนาทางด้าน

ด้านเทคโนโลยี่และการรับข้อมูลข่าวสารกันอย่างต่อเนื่อง ไม่มียุคใดที่มนุษย์จะได้รับข้อมูลข่าวสารและสามารถติดต่อ
ถึงกันได้อย่างสะดวกรวดเร็วเท่าในยุคปัจจุบันนี้อีกแล้ว เหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้นี่เองที่ทำให้โลกเราเปลี่ยนแปลงไป
อย่างรวดเร็ว ทุกๆคนในสังคมจึงต้องพยายามปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงนั้น ถ้าช้าอาจจะถูกกล่าวหาว่าเป็นคนตกยุคตกเทรน จึงทำให้ในโลกปัจจุบันนี้คนในสังคมต่างอยากมีการศึกษาที่สูงขึ้น บางคนใช้เวลากว่าค่อนชีวิตไปกับ
การศึกษา อีกทั้งยังต้องมีความเชี่ยวชาญในสายอาชีพการงานของตนให้มากขึ้น เพื่อที่จะเป็นข้อได้เปรียบทางในด้าน
การแข่งขันผลงานของตนกับคนในองค์กรเดียวกันในการก้าวขึ้นตำแหน่งที่สูงขึ้น เงินเดือนมากขึ้น 

อีกทั้งธุรกิจการค้าต่างๆในปัจจุบันนี้ก็มีการแข่งขันกันดุเดือดมากขึ้น ไม่ใช่เฉพาะการแข่งขันกันภายในแต่ละประเทศ
เท่านั้น แต่เป็นการแข่งขันระดับโลกในยุคไร้พรมแดน จึงทำให้การสร้างรายได้จากภาคส่วนธุรกิจในแต่ละองค์กรก็จะ
มีความยากขึ้นตามไปด้วย

ด้วยเหตุผลดังกล่าว เราจึงต้องใช้เวลากับกิจกรรมต่างๆเหล่านี้มากขึ้น ทํากิจวัตรประจำวันของตนอย่างเร่งรีบแข่งกับ

เวลา ใช้ทุกวินาทีของชีวิตให้มีคุณค่า เพื่อที่จะสร้างรายได้ให้พอกับรายจ่ายในการดำรงชีวิตประจำวันที่สูงขึ้นอย่าง
ต่อเนื่อง จึงทำให้คนในสังคมส่วนใหญ่เกิดความเครียดเกิดความกังวล ไม่มีจิตใจที่จะมาคิดถึงการมีครอบครัว นำเวลาของชีวิตทั้งหมดไปทุ่มเทกับการทำงานเพื่อสร้างรายได้ รวมกับความกังวลที่ว่าถ้าเริ่มมีครอบครัวก็จะมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น
ต้องหาเงินมากขึ้น เวลาที่จะใช้ชีวิตอย่างอิสระก็จะลดลงจากเดิมทั้งๆที่มีน้อยอยู่แล้ว
Picture

การแต่งงานทัศนะใหม่ในความหมายของผม

การจัดงานแต่งงาน
ด้วยเหตุดังกล่าวทำให้ในปัจจุบันนี้ เรามีอัตราของคนโสดมากขึ้น หรือแม้กระทั้่งชายหญิงที่แต่งงานกันก็มักจะมี
อายุมากขึ้นไม่เหมือนสมัยก่อนที่หญิงชายที่แต่งงานกันจะมีอายุน้อยกว่าในปัจจุบันมาก ที่เป็นเช่นนี้เพราะการจัดงานแต่งงานนั้นมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ชายหญิงที่จบการศึกษาและเข้าทำงาน กว่าจะเก็บเงินเก็บทองมาแต่งงานก็คงจะใช้เวลาค่อนข้างมาก 

นี่เองจึงเป็นเหตุผลที่ผมนำมาเขียนบทความนี้ เพื่ออยากจะแนะนำให้คู่ที่กำลังจะแต่งงาน ควรจะต้องมีแผนการตั้งงบประมาณไว้ก่อน และต้องเป็นงบประมาณที่ไม่เกินกำลังของตน เท่าที่ผ่านมาผมเคยเห็นหนุ่มสาวบางคู่จัดงานแต่งงาน
เพื่อหน้าตาของตน บางรายรูดเงินจากบัตรกดเงินสดมาจัดงานก็มี  เป็นหนี้ไม่ว่าขอให้งานใหญ่และหรูหราไว้ก่อน
อันนี้ผมว่าไม่ค่อยจะถูกต้องนะครับ ฉะนั้นเมื่อหนุ่มสาวได้
มีการตัดสินใจว่าจะแต่งงานกัน ว่าที่คู่บ่าวสาวทั้งสองควร
ที่จะต้องมีการวางแผนงบประมาณการใช้จ่ายในงานแต่งของตน โดยเฉพาะรายจ่ายในเรื่องการจัดเลี้ยงและจัดหา
สถานที่จัดงานแต่งงาน ซึ่งผมว่าเป็นรายจ่ายหลักและเป็น
รายจ่ายส่วนที่มากที่สุดของการจัดงานแต่งงาน

สิ่งแรกว่าที่คู่บ่าวสาวต้องเริ่มร่างรายชื่อแขกที่ต้องการจะเชิญมาในงานแต่งไว้ก่อนครับ ว่าน่าจะมีจำนวนสักเท่าไหร่
และออกหาสถานที่จัดงานแต่งงานที่เหมาะกับจำนวนแขกที่ได้คาดการณ์ไว้ ไม่จำเป็นต้องใหญ่โตเกินจำเป็น ขอ
เพียงแต่ให้สามารถรองรับแขกที่เราต้องการจะเชิญมารวมถึงอุปกรณ์ต่างๆที่เราจะนำเข้าไปเพื่อตกแต่งสถานที่จัดงาน
เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว เพราะโดยปกติ สถานที่ใหญ่ๆและหรูๆมักจะมีราคาแพงครับ 

ที่ผมเน้นเรื่องสถานที่จัดงานแต่งงาน และจำนวนแขกที่จะเชิญมาเป็นอันดับแรก ก็เพราะรายจ่ายส่วนนี้ก็น่าจะเกิน
กว่า50%ของงบรายจ่ายทั้งหมดแล้วนะครับ นอกจากนั้นก็ยังมีส่วนอื่นๆอีกมากมายที่เป็นรายจ่าย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง
อุปกรณ์ตกแต่ง ซุ้มดอกไม้งานแต่งงาน ชุดแต่งงาน ของชำร่วย เค้กแต่งงาน ในส่วนนี้ผมแนะนำให้จัดหาตามงบที่เราตั้งไว้ ใช้เวลาและพิถีพิถันหาข้อมูลในรายละเอียดให้มากหน่อย ต้องใจเย็นอย่าตัดสินใจเร็วเกินไป รับรองว่าคุณจะได้ทั้งถูกทั้งดี อย่าลืมนะครับว่าส่วนที่สำคัญก็คือ คุณต้องควบคุมงบประมาณที่คุณทั้งสองตั้งไว้ให้ได้อย่าให้บานปลาย

กล่าวโดยสรุป

ในสังคมไทยส่วนใหญ่นั้น เราถูกสอนมาในเรื่องให้ความสำคัญกับหน้าตาในสังคมมากเกินไป ในความเห็นของผมนั้น ผมว่าการแต่งงานรวมถึงงานเลี้ยงฉลองสมรส ก็เป็นเพียงพิธีการอย่างหนึ่งที่ถือเป็นประเพณีปฎิบัติสืบต่อกันมา เป็นวัฒนธรรมประเพณีที่ควรสืบสานต่อไป แต่ต้องคำนึงถึงความเหมาะสม ตามยุคตามสมัย ตามสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน กล่าวโดยสรุปก็คือ จัดตามกำลังและงบประมาณของเราที่สามารถทำได้ อย่าลืมนะครับว่าสิ่งที่สำคัญกว่าก็คือชีวิตคู่หลังแต่งงานครับ ขอเน้นไว้เลยนะครับ ผมไม่อยากเห็นคู่บ่าวสาวต้องมาเป็นทุกข์ และเครียดกับการหาเงินมาชำระหนี้จากงานแต่งงานที่ให้ความสำคัญกับหน้าตาจนเกินไป ซึ่งความเครียดนี่เองอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการบาดหมาง เป็นจุดเริ่มต้นของความทุกข์ แล้วเราจะหาความสมบูรณ์ของชีวิตคู่หลังแต่งงานได้อย่างไร แต่สำหรับคู่ที่มีเงินถุงเงินถังก็ไม่ว่ากันครับ..


เครดิตข้อมูล : สถานที่จัดงานแต่งงาน
ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง : หาสถานที่แต่งงาน

Picture
Delicious Save this on Delicious
 วาไรตี้ดีดีจัง
Comments

ชีวิตคู่หลังแต่งงาน

6/26/2015

Comments

 
ก่อนที่จะมีชีวิตคู่หลังแต่งงาน
การที่คนเราสองคนตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตคู่ส่วนที่เหลือร่วมกันนั้น แน่นอนว่าบุคคลทั้งสองจะต้องมีความรักต่อกันในช่วงระยะเวลาหนึ่ง จนในที่สุดก็ได้ตัดสินใจที่จะแต่งงานกัน อย่างที่ผมได้เคยกล่าวมาแล้วว่า ความรักนั้นเป็นภาษาสากล เกิดได้กับทุกคน ไม่ว่าจะต่างเชื้อชาติต่างศาสนาก็สามารถที่จะมีความรักต่อกันได้ แต่ความรักนี้มันก็ช่างแปลก เพราะบางคนที่มีความรักก็รู้สึกจะมีความสุขตามไปด้วย แต่สำหรับบางคนพอเริ่มมีมันก็กลับมีความทุกข์ เอ่อก็แปลกดีนะ..
ชีวิตคู่หลังแต่งงาน
คู่รักก่อนแต่งงาน
มีชายหญิงอยู่หลายต่อหลายคู่ที่ก่อนแต่งงานนั้นรู้สึกว่า ชีวิตมีความสุขเสียเหลือเกิน ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเป็นสีชมพูไปหมด ไม่เคยเห็นข้อบกพร่องของคนที่เรารักเลยหรือพูดง่ายๆก็คือเขาหรือเธอทำอะไรก็ดีไปหมด แต่พอแต่งงานกันแล้ว ด้วยภาระหน้าที่การงานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเมื่อก่อนแต่งงานอาจจะมีคนคอยดูแลเอาใจใส่ แต่พอมีครอบครัวแล้วกลับต้องมาดูแลสามีหรือภรรยา เมื่อก่อนเขาหรือเธอมีอิสระจะไปเที่ยวเตร่สวนเสเฮฮากับเพื่อนๆยังไงก็ได้ แต่หลังแต่งงานแล้ว ชีวิตเปลี่ยนไปจะใช้ชีวิตอิสระอย่างเดิมไม่ได้ รู้สึกว่าความเป็นอิสระน้อยลง โดยเฉพาะบางรายที่ตีค่าความรักคือความเป็นเจ้าของ คิดว่าคนที่เรารักคือของๆตน สามารถที่จะบังคับหรือบงการอะไรก็ได้ จนกระทั่งก้าวล่วงเข้าไปในความเป็นส่วนตัวของอีกฝ่ายหนึ่งอย่างไม่รู้ตัว 
งานปาร์ตี้
สิ่งต่างๆเหล่านี้อาจจะเป็นบ่อเกิดแห่งการทะเลาะเบาะแว้ง เกิดการกระทบกระทั่งกันขึ้น ต่างฝ่ายต่างโทษกันไปโทษกันมา เริ่มไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน ในบางกรณีฝ่ายสามีหรือภรรยาต้องหารายได้เพิ่มขึ้น ทำงานล่วงเวลามากขึ้น ด้วยรายรับไม่พอกับรายจ่าย ต่างฝ่ายต่างก็เริ่มมีความสงสัย ระแวง หงุดหงิด เริ่มไม่ไว้วางใจกลัวว่าคนที่เรารักจะไปมีกิ๊กนอกบ้าน เริ่มคอยจับผิด ต่างฝ่ายต่างก็จะเริ่มอึดอัดมากขึ้น เรื่องต่างๆเหล่านี้อาจเกิดขึ้นได้กับคู่รักหลายๆคู่ ผมไม่ได้หมายความว่าชีวิตหลังแต่งงานนั้นจะแย่ไปเสียทุกคู่นะครับ ผมพูดถึงแต่ในประเด็นที่อาจจะเกิดขึ้นได้สำหรับคู่ที่ไม่สามารถปรับตัวได้ทัน ยิ่งอยู่ใกล้กันมาก ใช้ชีวิตร่วมกันมาก แน่นอนว่าย่อมมีการกระทบกระทั่งกันบ้างเป็นของธรรมดา เหมือนลิ้นกับฟันที่เราได้ยินกันอยู่บ่อยๆ

ชีวิตคู่หลังแต่งงานในทศวรรษใหม่
นี่แสดงให้เห็นว่า วิถีชีวิตหลังแต่งงานที่อยู่ร่วมบ้านเดียวกัน ใช้ชีวิตร่วมกันทุกๆวัน ไม่ได้เป็นหลักประกันความมั่นคงในความรัก และยึดมั่นต่อพันธะสัญญาที่มีต่อกันอีกต่อไป หลายคู่ได้ค้นพบเส้นทางการร่วมชีวิตแบบใหม่ ที่สามารถผสมผสานรักแท้อย่างมีเหตุผลกับเสรีภาพส่วนบุคคลไว้ด้วยกัน จนกลายเป็นทางเลือกใหม่ที่มาแรงจนอาจจะเป็นเทรนใหม่ของว่าที่คู่บ่าวสาวในยุคต่อไป

ตอนที่ผมเขียนบทความนี้ เผอิญได้ไปพบบทความในหนังสือ Teen, Kids & Family ซึ่งเป็นบทความที่กล่าวถึงการใช้ชีวิตคู่กึ่งอิสระหลังแต่งงาน หรืออาจจะไม่มีการแต่งงานก็ได้ ผมเห็นว่าอาจจะเป็นเทรนใหม่ของหนุ่มสาว หรือสำหรับคู่ที่กำลังเผชิญกับปัญหาอยู่อาจจะนำไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิตคู่ของตน เลยอยากจะนำมาแชร์ในบทความนี้ด้วย เห็นด้วยหรือไม่อย่างไร ก็ลองช่วยกันคอมเม้นต์กันดูนะครับ 
ชีวิตอิสระหลังแต่งงาน
นี่คือตัวอย่างแนวทางการใช้ชีวิตคู่กึ่งอิสระของหนุ่มสาวคู่หนึ่ง

"ฉันทำงานเป็นที่ปรึกษาการจัดการบริหาร ทำงานวันละ 12 ชั่วโมง ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันพฤหัสฯ หลังจากเลิกงานฉันจะกลับบ้าน และทำอาหารเย็นให้ตัวเอง จากนั้นก็จะพักผ่อนบนโซฟาตัวโปรด จิบไวน์ ฟังเพลงที่ชอบหรือดูหนังเรื่องโปรดคนเดียว ไม่ต้องพูดกับใครเลย..."

"เมื่อถึงวันศุกร์จะเป็นวันที่ฉันจะพบกับคู่รัก เขามีอาชีพเป็นครู และทำงานหลังจากเลิกงานประจำที่บาร์หรือภัตตาคาร หลังจากนั้นเราจะไปที่บ้านของเขาหรือของฉันก็ได้ เพราะบ้านของเราอยู่ห่างกันแค่ขับรถ 15 นาที เราจะได้ใช้ชีวิตร่วมกันตลอดวันหยุดสุดสัปดาห์ ใช้เวลาร่วมกันเหมือนคู่สามีภรรยาคู่อื่นๆ เจอเพื่อนๆ ออกไปดูหนัง และมีเซ็กซ์ด้วยกัน และเมื่อถึงวันจันทร์เราก็ต่างแยกย้ายกันไปทำงาน เลิกงานต่างคนต่างกลับบ้านของตัวเองเราได้โทรศัพท์คุยกัน อีเมล์ถึงกันทุกวัน โดยไม่จำเป็นต้องเจอหน้ากันทุกวัน จนกว่าจะถึงวันศุกร์..."

"งานของฉันต้องการเวลาและการทุ่มเทอย่างมาก คู่ของฉันก็เช่นเดียวกัน ฉันรักเขามากเพราะเขาเข้าใจว่าฉันต้องการเวลาสำหรับทำงาน เวลาสำหรับตัวเองตามลำพังเพื่อครุ่นคิดเรื่องต่างๆ และเขาก็ต้องการเวลาเช่นเดียวกับฉัน..."
ก่อนหน้าที่หนุ่มคนรักคนนี้ จะได้พบกับคู่รักคนปัจจุบัน เขาเคยมีคนรักมาก่อน แต่ความรักครั้งนั้นจบลงด้วยต่างคนต่างกล่าวหากันและกัน ว่าอีกฝ่ายหนึ่งไม่รักษาคำมั่นสัญญา และเห็นแก่ตัว

"มีผู้หญิงจำนวนมากอาจจะคิดว่า.. ถ้าผู้ชายไม่ได้อยู่กับพวกเธอตลอดเวลา ไม่ร่วมแบ่งปันรับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของกันและกันแล้ว นั่นย่อมแสดงว่า จะต้องมีอะไรที่ผิดปกติเกิดขึ้น..."

"เธอเป็นหญิงสาวคนแรก ที่ไม่เพียงแต่เคารพความต้องการเวลาส่วนตัวของผมเท่านั้น แต่เธอยังเข้าใจมันอย่างลึกซึ้งทีเดียว และผลของมันน่ะหรือครับ ผมยิ่งรู้สึกว่ามีพันธะสัญญากับเธอมากกว่าที่เคยรู้สึกกับผู้หญิงที่ผ่านเข้ามาในชีวิตทุกคนของผมเสียด้วยซํ้า..."

ความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวคู่นี้ เป็นปรากฏการณ์ใหม่ล่าสุดของการมีความรักใช้ชีวิตร่วมกัน "กึ่งอิสระ" ที่คนรักกันสองคนพึงจะมีทุกสิ่งทุกอย่างที่คู่สามีภรรยาต้องการ ความรัก เซ็กส์ มิตรภาพและพันธะสัญญา โดยทั้งคู่ไมจำเป็นหรือต้องการเวลาอยู่ด้วยกัน 24 ชั่วโมงตลอด 7 วัน
ชีวิตหลังแต่งงาน
"ชีวิตคู่กึ่งอิสระ" ดูจะเป็นทางออกที่ตอบสนองสภาพเศรษฐกิจและสังคมปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เสรีภาพ อิสรภาพ ที่เจริญงอกงามพร้อมกับความมั่นคงด้านเศรษฐกิจ ของผู้หญิงทำงานรุ่นใหม่ๆ ซึ่งในปัจจุบันผู้หญิงจำนวนมาก ไม่ได้ฝากชีวิตและอนาคตทางการเงินไว้ในอุ้งมือผู้ชาย รวมทั้งสถานภาพทางสังคมของพวกเธอด้วย...สาวทำงานเก่งเหล่านี้มองเห็นสาระประโยชน์ของการมีชีวิตคู่กึ่งอิสระ"
ความสัมพันธ์ของชีวิตคู่กึ่งอิสระก็คือ การตรวจสอบความหมายของการอยู่ด้วยกันที่มากกว่าความใกล้ชิด หรือจำนวนเวลาที่คนเราให้กับใครอีกคนหนึ่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ให้คำจำกัดความว่า "เป็นความสัมพันธ์ที่แข็งแรงอย่างแท้จริง" ที่คนสองคนยังคงความเป็นปัจเจกของเราไว้ด้วยกัน แจกแจงให้ชัดเจนก็คือ ทั้งคู่สามารถได้รักและได้รับความรักจากกันและกัน โดยไม่จำเป็นต้องพบหน้าอีกฝ่ายหนึ่งตลอดเวลา ด้วยความเชื่อถือเชื่อใจระหว่างกัน

ถ้า "ชีวิตคู่กึ่งอิสระ" สอนให้เรารู้ว่าความสัมพันธ์ที่ดีมีคุณภาพ จะต้องมีเสรีภาพรวมอยู่ด้วย มันก็ควรจะสอนให้เรารู้ว่าการมีอิสระเสรีภาพนั้น หมายถึงความมั่นคงทางจิตใจด้วย และเมื่อทั้งคู่ต้องการความสัมพันธ์ชนิดเต็มรูปแบบหรือกึ่งอิสระ ความรู้สึกมีสิทธิและอิสรภาพก็ติดตามเขาไปด้วย พวกเขายังคงมีชีวิตเป็นของตนเอง มีความสนใจและมีเพื่อนๆ ของตัวเอง พวกเขาอาจจะหลงรักกันและกันอย่างบ้าคลั่ง และจะมีชีวิตร่วมกันจนชั่วฟ้าดินสลาย แต่พวกเขาจะต้องสงวนความสัมพันธ์กึ่งอิสระนี้ไว้ที่มุมเล็กๆ ส่วนตัวด้วย

ชีวิตหลังแต่งงาน
กล่าวโดยสรุป

ชีวิตคู่หลังแต่งงาน ไม่ว่าชายหญิงจะใช้ชีวิตร่วมกันตลอด 24 ชั่วโมงหรือกึ่งอิสระดังที่กล่าวมาแล้วก็ตาม ผมว่ามันก็ไม่ได้เป็นหลักประกันของความสุขความยั่งยืนในชีวิตหลังแต่งงานหรอกครับ แต่ขึ้นอยู่กับการให้ความหมายของความรักในทางที่ถูกที่ควรอย่างมีเหตุผล และที่สำคัญความรักแน่นอนย่อมไม่ได้หมายถึงการเป็นเจ้าของ คนเราเป็นเจ้าของได้เฉพาะสิ่งของเครื่องใช้เท่านั้น แต่เราไม่สามารถเป็นเจ้าของสิ่งที่มีชีวิตได้แม้กระทั่งสัตว์ที่เราเลี้ยงไว้ อันที่จริงมันก็ต้องการอิสรภาพด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่มันไม่สามารถที่จะบอกเราได้

ความรักที่แท้จริงนั้นคือการให้ ให้การปกป้องดูแลเอาใจใส่ ให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ให้ความอบอุ่น ต้องการให้คนที่เรารักมีความสุข มีความปลอดภัย ใช้ความรักอย่างสมดุลย์อย่างมีเหตุมีผล เคารพในความเป็นส่วนตัวของกันและกัน และที่สำคัญต้องให้ความไว้วางใจและเชื่อใจกัน เพราะถ้าคุณไม่ไว้ใจคนที่คุณรักแล้ว คุณจะไว้ใจใครได้อีก ผมอยากให้คนที่กำลังใช้ชีวิตคู่ทุกคนมีความสุขและสุขอย่างยั่งยืนตลอดไป

-->การแต่งงานในทัศนะใหม่
Comments

ความเป็นมาของเค้กแต่งงาน

6/25/2015

Comments

 
การตัดเค้กแต่งงาน น่าจะเป็นความใฝ่ฝันของหนุ่มสาวหลายๆคู่ที่กำลังมีความรัก โดยเฉพาะฝ่ายหญิงแล้ว ผมว่าน่าจะมีเกินกว่า 90% เลยทีเดียวที่มีความฝันว่าจะได้มีโอกาสตัดเค้กแต่งงานสักครั้งหนึ่งในชีวิต 
ตัดเค้กแต่งงาน
เวลาที่เราไปงานเลี้ยงฉลองแต่งงาน ส่วนใหญ่แล้วจะเห็นว่ามีพิธีการตัดเค้ก หลายคนอาจจะสงสัยว่า งานแต่งงานทำไมต้องมีการตัดเค้ก และการตัดเค้กแต่งงานนั้นมีความเป็นมาอย่างไร เริ่มมีความนิยมและถือเป็นแนวปฎิบัติสืบต่อกันมาเมื่อใด วันนี้เลยถือโอกาสที่จะมาพูดคุยกันถึงเรื่องเค้กแต่งงาน

ประวัติความเป็นมาของเค้กแต่งงาน

ย้อนกลับไปในอดีตเมื่อประมาณ 5,000 ปีมาแล้ว เมื่อมีงานแต่งงานผู้คนที่มาร่วมงานก็มักจะนำเอาขนมปัง ผลไม้ และของหวานชนิดต่างๆมาบวงสรวงแก่เทพเจ้า เพื่อเป็นการขอพรให้แก่คู่บ่าวสาวในการที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน จนกระทั้งต่อๆมาในยุคแองโกลแซกซอน แขกที่มาในงานแต่งงานก็จะนำเอาขนมปังมาร่วมพิธีด้วย โดยต่างนำมากองรวมกันเป็นชั้นๆ มีการสอดแทรกพิธีกรรมของการเสี่ยงทายไปด้วย โดยให้ผู้ที่เป็นเจ้าบ่าวและเจ้าสาวปีนขึ้นไปจุมพิตกันบนยอดขนมปัง ถ้าคู่ใดสามารถปีนขึ้นไปจุมพิตกันได้ถึงยอดขนมปัง ก็ถือว่าคู่นั้นจะประสบโชคดี แต่ถ้าทำไม่สำเร็จตกลงมาก็จะสร้างความสนุกสนานครื้นเครงให้กับแขกที่มาร่วมงาน อันนี้ตามความเข้าใจของผมน่าจะเป็นกุศลบายอย่างหนึ่งเพื่อสร้างความสนุกสนานให้กับแขกที่เชิญมาในงานนั่นเอง

ซึ่งหลังจากนั้นก็ได้มีการวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ จนในที่สุดจากเดิมซึ่งเป็นขนมปังได้เปลี่ยนมาเป็นเค้กแต่งงานอย่างที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบันนี้ โดยจุดเปลี่ยนนั้นเชื่อว่าเริ่มจากพ่อครัวชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งนำน้ำตาลมาบดเป็นผงละเอียดเพื่อที่จะตกแต่งหน้าขนมปังให้มีความสวยงามกว่ารูปแบบเดิมๆ และมีการดัดแปลงกรรมวิธีต่อมาเรื่อยๆ จนในที่สุดก็สามารถเปลี่ยนขนมปังธรรมดาๆให้กลายสภาพเป็นเค้กที่มีรสชาติหอมหวานอร่อยชวนทานอย่างทุกวันนี้

ลักษณะของเค้กแต่งงาน

เค้กแต่งงาน
เค้กแต่งงานโดยส่วนใหญ่จะมีขนาดใหญ่ที่ฐานชั้นล่าง และมีรูปร่างเป็นชั้นๆขนาดลดหลั่นเรียงกันขึ้นไป และมีการตกแต่งหน้าเค้กอย่างสวยสดงดงามด้วยครีมและน้ำตาล ซึ่งในบางกรณีอาจมีการนำแอลด์มอน หรือ ช็อคโกแลตชิพมาเป็นส่วนผสมในการทำ โดยส่วนยอดของเค้กนั้นมักประดับด้วยตุ๊กตาแทนตัวบ่าวสาว หรือในบางความคิดอาจใช้เป็นรูปนก รูปแหวนทอง หรือรูปเกือกม้า ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี และความเจริญรุ่งเรืองสำหรับคู่บ่าวสาวทั้งสิ้น

เค้กแต่งงานที่ดีจะต้องมีเนื้อแน่นสามารถรองรับน้ำหนักของชั้นเค้กที่ตกแต่งอย่างสวยงามได้ และที่สำคัญยังต้องรับประทานได้และอร่อยอีกด้วย สิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ต้องอาศัยทักษะฝีมือความคิดสร้างสรรค์และความปราณีตเป็นอย่างมากจากพ่อครัวหรือผู้ทำขนมเค้ก ส่วนการที่จะเลือกเค้กแต่งงานที่เป็นรสชาติใดนั้น ก็คงขึ้นอยู่กับความต้องการของคู่บ่าวสาวเจ้าของงาน แต่ที่เห็นส่วนใหญ่แล้ว ก็มักจะเลือกเป็นบัตเตอร์เค้กกลิ่นวนิลา ส่วนอีกกรณีที่อยากจะพูดถึงในที่นี้ก็คือ ถ้าเป็นการจัดงานแบบเอ๊าท์ดอร์ เค้กที่เหมาะกับงานลักษณะนี้ควรจะต้องทนแดนทนลมได้สักหน่อย เช่น เค้กที่แต่งหน้าด้วยไอซิ่งหรือโรลฟองดองท์ (Rolled Fondant)

การตัดเค้กแต่งงาน

ประเพณีการตัดเค้กแต่งงาน ผมถือว่าเป็นไฮไลท์ของงานเลี้ยงฉลองสมรสเลยทีเดียว ซึ่งโดยปกติแล้ว ผู้เป็นเจ้าสาวจะเป็นคนตัด โดยมีเจ้าบ่าวคอยช่วยประคองไว้แต่เพียงเท่านั้น หลังจากตัดเค้กแล้ว ตามประเพณี ฝ่ายเจ้าสาวจะเป็นผู้นำเค้กที่ตัดไปแจกจ่ายให้กับบรรดาญาติๆของฝ่ายเจ้าบ่าว เปรียบเสมือนเป็นการบอกกล่าวว่า ต่อแต่นี้ไปตนจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกในครอบครัวของฝ่ายชายแล้ว 
ตัดเค้กแต่งงาน
หลังจากที่ได้นำเค้กแต่งงานไปให้กับบรรดาญาติๆของฝ่ายเจ้าบ่าวดังที่กล่าวไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เค้กแต่งงานนั้นก็จะถูกนำมาคัดแบ่งเป็นชิ้นๆเพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับแขกที่มาร่วมงานได้รับประทานกัน ซึ่งอาจจะทานเลยหรือจะนำกลับไปฝากบุคคลที่ไม่ได้มาร่วมงานก็ได้ (ซึ่งตามประเพณีโบราณเชื่อว่า หากเพื่อนเจ้าสาวคนใดนำเค้กแต่งงานไปไว้ใต้หมอนหรือข้างหมอนแล้วนอนหลับ สาวคนนั้นจะฝันเห็นคู่ชีวิตของตนในอนาคต จะจริงเท็จอย่างไรก็มิอาจทราบได้ คงต้องรบกวนผู้ที่เคยมีประสบการณ์มาแชร์ให้ฟัง)

สำหรับในประเทศไทย ระยะหลังเค้กแต่งงานได้มีการพัฒนาและปรับเปลี่ยนไปบ้างพอสมควร จากเค้กปอนด์แบบชั้นๆ ได้หันมานิยมคัพเค้ก หรือเค้กถ้วยกันมากขึ้น ก็อาจจะด้วยหลังจากที่ทำพิธีตัดเค้กแล้ว ก็สามารถนำออกแจกจ่ายให้กับญาติผู้ใหญ่และผู้ที่มาร่วมงานได้เลย ไม่ต้องมาทำการตัดแบ่งให้ยุ่งยาก และข้อดีอีกประการหนึ่งก็คือ ส่วนใหญ่แล้วเค้กแต่งงานที่เป็นคัพเค้กจะเป็นเค้กจริงทั้งหมด ซึ่งต่างจากเค้กปอนด์ที่เป็นชั้นๆ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเค้กจริงก็แต่เฉพาะฐานด้านล่างเท่านั้น เพราะถ้าใช้เค้กจริงทั้งหมดจะมีราคาแพงมาก
กล่าวโดยสรุป
การตัดเค้กแต่งงานในงานเลี้ยงฉลองสมรสนั้นเป็นที่นิยมและถือเป็นแนวปฎิบัติสืบต่อกันมาอย่างแพร่หลายจากอดีตจวบจนปัจจุบัน ถือว่าเป็นไฮไลท์ของงานเลยก็ว่าได้ ซึ่งในปัจจุบันนี้ งานเลี้ยงแต่งงานก็มักจะนำระบบแสง สี เสียงเข้ามาปรับใช้เพื่อเพิ่มสีสันของงานให้ตื่นตาตื่นใจมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงพิธีตัดเค้กแต่งงานนั้น มักจะนิยมใช้แสง สี เสียงตลอดจนการใช้ดรายไอ๊ซ์ ฟองสบู่ เข้ามาเสริม เพื่อช่วยเน้นให้คู่บ่าวสาวที่อยู่บนเวทีดูโดดเด่น และสง่างาม 

นอกจากนั้น พิธีตัดเค้กยังสามารถสร้างความประทับใจให้กับคู่บ่าวสาวทั้งสอง ซึ่งจะประทับอยู่ในความทรงจำไปอีกนานแสนนาน ในปัจจุบันเค้กแต่งงานถือเสมือนหนึ่งเป็นตัวแทนแห่งความหวานของชีวิตคู่ อีกทั้งยังเป็นการแสดงความกตัญญูต่อบิดามารดา เมื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาวร่วมกันตัดเค้กมอบให้กับบิดามารดาของทั้งสองฝ่ายเพื่อแสดงความขอบคุณต่อท่านผู้มีพระคุณทั้งสอง...


--> ทำไมถึงต้องสวมแหวนแต่งงานในงานแต่ง
Comments

    ธนชาต ชยะกุลศักดา

    อาชีพปัจจุบัน รับจัดงานแต่งงาน พร้อมวางแผนการจัดงานแต่งงาน สำหรับคู่บ่าวสาวยุคใหม่ ณ.สถานที่จัดงานแต่งงาน เดอะโซเรนโต้

    Archives

    July 2015
    June 2015
    May 2015

    สารบัญบทความ
    งานแต่งงานในทัศนะใหม่
    ที่มามาของแหวนแต่งงาน
    ทำไมต้องแต่งงาน
    ทีมาของเค้กแต่งงาน
    การขอแต่งงาน
    วางแผนจัดงานแต่งงาน
    ชีวิตหลังแต่งงาน

    RSS Feed

    Blog Directory & Business Pages - OnToplist.com
Powered by Create your own unique website with customizable templates.